ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 36.65 จุด เหตุนลท.ยังวิตกกับสภาพเศรษฐกิจ

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday July 11, 2009 07:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (10 ก.ค.) หลังนักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจ เนื่องจากมีข้อมูลเศรษฐกิจในแง่ลบออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นอัตราว่างงานที่พุ่งสูง ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 36.65 จุด หรือ 0.5% ปิดที่ 8,146.52 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 3.55 จุด หรือ 0.4% แตะที่ 879.13 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 3.48 จุด หรือ 0.2% แตะที่ 1,756.03 จุด

สำหรับทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 1.6% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลง 1.9% ส่วนดัชนี Nasdaq ร่วง 2.3% โดยดัชนีดาวโจนส์และ S&P 500 ปรับตัวลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกันแล้ว

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลคือ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน ที่ลดลงจากระดับ 70.8 จุดในเดือนมิ.ย. สู่ระดับ 64.6 จุดในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเรื่องการตกงาน

"ความไม่มั่นคงในหน้าที่การงานได้บ่อนทำลายความเชื่อมั่นของผู้บริโภคไปมาก" หัวหน้าฝ่ายการลงทุนจากบริษัท นอร์ธเทิร์น ทรัสท์ กล่าว

ในขณะเดียวกัน ผลประกอบการของภาคเอกชนก็ไม่สู้ดีนัก โดยเชฟรอน คอร์ป บริษัทพลังงานรายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐ เผยว่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงทำให้บริษัทมีกำไรจากต่างประเทศลดลง ส่วนในสัปดาห์หน้าจะมีการเผยผลประกอบการของบริษัทใหญ่อย่าง จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน, เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, กูเกิล อิงค์ และ เจเนอรัล อิเล็กทริค โค ซึ่งคาดว่าจะไม่สู้ดีนักเช่นกัน

ราคาน้ำมันที่ลดลงก็ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเมื่อวานนี้ราคาน้ำมันซื้อขายต่ำกว่าระดับ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในตลาดนิวยอร์ก หลังจากที่ลดลงอย่างฮวบฮาบจากระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน ที่ 73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่าอุปสงค์น้ำมันคงไม่ดีดตัวขึ้นในเร็ววันนี้ เพราะสภาพเศรษฐกิจโลกยังคงซบเซา

นอกจากนั้นนักลงทุนยังรอดูรายงานอื่นๆ ที่กำลังจะได้รับการเปิดเผย โดยเฉพาะคาดการณ์แนวโน้มที่เหลือของปีของภาคเอกชนและคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจ แต่ดูเหมือนว่านักลงทุนจะไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก เนื่องจากเชื่อว่าเศรษฐกิจจะยังไม่ฟื้นตัวในตอนนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ