รฟม.มั่นใจวางรางสายสีม่วงตามแผนแม้เงินกู้ยังไม่ลงตัว/รับเหมาใหญ่จ่อลุย

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 10, 2009 10:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชูเกียรติ โพธยานุวัตร รองผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) คาดว่า งานวางรางของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง(บางใหญ่-บางซื่อ) จะสร้างเสร็จและให้บริการได้ตามแผน แม้ว่าองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งประเทศญี่ปุ่น (JICA) ซึ่งเป็นแหล่งเงินกู้หลักของโครงการแจ้งว่าจะขอพิจารณาเงินกู้ในเดือนมี.ค. 53 ล่าช้าจากเดิมที่ รฟม.คาดว่าจะพิจารณาได้ภายในเดือนก.ย.นี้

สำหรับแผนงานโครงการดังกล่าว กำหนดระยะเวลาการติดตั้งงานวางรางรวมทดสอบระบบประมาณ 2 ปี ขณะที่งานโยธาใช้เวลาประมาณ 4 ปี และจะเปิดให้บริการได้ในปี 57 ทั้งนี้ วงเงินติดตั้งงานวางราง มีมูลค่า 3.6 พันล้านบาทได้ปรับลดลงจากเดิม 4 พันล้านบาทและ ครม.ได้มติวงเงินดังกล่าวแล้ว

"งานวางรางยังไม่ได้รับการยืนยันเงินกู้จาก JICA เลย ตอนนี้ได้คุยกับ JUCA เพิ่มเติม เขาขอพิจารณาเงินกู้ภายในเดือนมีนาฯ ปีหน้า แต่ก็ยังไม่ยืนยันว่า มีนาฯจะได้จริงหรือเปล่า... ถ้าถึงมีนาฯ ก็ยังอยู่ในกรอบแผนงานอยู่ ยังไม่ถือว่า delay ยังเปิดเดินรถได้ตามแผน"นายชูเกียรติ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"

นายชูเกียรติ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ทาง รฟม.ได้หารือกับกระทรวงการคลังเพื่อหาทางเลือกในการหันมาใช้แหล่งเงินกู้ในประเทศ เพราะเห็นว่าการพิจารณาเงินกู้จาก JICA อาจล่าช้าออกไป แต่ทางกระทรวงการคลังยืนยันว่าต้องการให้ รฟม.ใช้เงินกู้จาก JICA เพื่อให้รวมเป็นแหล่งเดียวกันทั้งโครงการ

ดังนั้น ขณะนี้จึงต้องรอดูทั้งทาง JICA และกระทรวงการคลัง เพื่อขอเงินกู้ให้เร็วที่สุด แต่หากจำเป็นกระทรวงการคลังก็พร้อมจะช่วยหาแหล่งเงินให้ เพราะทาง รฟม.คาดการณ์ว่าจะได้รับการพิจารณาเงินกู้จาก JICA เสร็จภายใน ก.ย.นี้ และจะเปิดประมูลต่อไป แต่เมื่อแหล่เงินกู้ยังไม่เสร็จสิ้นทำให้การประมูลล่าช้าออกไปด้วย

นายชูเกียรติ กล่าวว่า ผู้รับเหมาที่แสดงความสนใจในงานวางรางรถไฟฟ้าดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างใหญ่ที่มีความเชี่ยวชาญ เช่น กลุ่ม บมจ.อิตาเลียนไทย ดิเวลอปเม้นต์(ITD) บมจ.ช.การช่าง (CK) บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC) นอกจากนี้ก็ยังมีบริษัทต่างประเทศที่แสดงความสนใจเข้ามาด้วย

ส่วนการลงนามของสัญญาที่ 2 และ 3 ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง นายชูเกียรติ คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์ จะได้รับการอนุมัติจาก JICA หลังจากที่ได้สอบถามเพิ่มเติมในรายละเอียดของทั้งสองสัญญา จากนั้นก็จะให้อัยการสูงสุดให้ความเห็น จึงคาดว่าภายในเดือน ก.ย.นี้น่าจะลงนามสัญญาได้ทั้งสองสัญญา



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ