นักวิเคราะห์ในย่านวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นในสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อว่าตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐจะปรับตัวสูงขึ้น และคาดว่าตลาดจะยังคงได้รับปัจจัยบวกจากตัวเลขว่างงานประจำสัปดาห์ที่ลดลงเกินคาดของสหรัฐ
เจมมี ค็อกซ์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Harris Financial Group ในมลรัฐเวอร์จิเนีย กล่าวกับเอพีว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รวมถึงตัวเลขว่างงานและรายงานของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มมีเสถียรภาพ
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงเกินคาด สู่ระดับ 550,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 ก.ย. โดยลดลงจากระดับ 576,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะอยู่ที่ 560,000 ราย
ขณะที่รายงานของเฟดระบุว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคส่วนใหญ่ของสหรัฐเริ่มมีเสถียรภาพ และบางภูมิภาคฟื้นตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นหลักฐานชี้ชัดว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงที่นับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1930 ในสหรัฐได้ยุติลงแล้ว พร้อมระบุว่าโครงการนำรถยนต์คันเก่าแลกคันใหม่ช่วยกระตุ้นยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้น ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมในภูมิภาคส่วนใหญ่ฟื้นตัวขึ้นในระดับปานกลาง
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค., กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนส.ค., เฟดสาขานิวยอร์คจะเปิดเผยผลสำรวจภาคการผลิต (Empire State Index) เดือนก.ย. และ ABC News จะเปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 13 ก.ย.
วันพุธ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนส.ค. และสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) จะเปิดเผยดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ย. ส่วน วันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนส.ค. และเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียจะเปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนก.ย.