ฟิทช์ เรทติ้งส์เปิดเผยว่า การเปิดประมูลใบอนุญาตการให้บริการโทรศัพท์มือถือ 3G บนคลื่นความถี่ 2.1 กิ๊กกะเฮิร์ตช์จะไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อคุณภาพความน่าเชื่อถือของบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือของไทย โดยฟิทช์ได้จัดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-term Foreign Currency Issuer Default Rating) บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ไว้ที่ BBB+ แนวโน้มมีเสถียรภาพ และจัดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวที่บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC ไว้ที่ BBB- แนวโน้มมีเสถียรภาพ
แม้ว่าค่าใช้จ่ายในการประมูลใบอนุญาตและเงินลงทุนก่อสร้างเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G ที่คาดว่าจะอยู่ในระดับสูงอาจส่งผลให้หนี้สินสุทธิและอัตราส่วนหนี้สินของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า แต่กระแสเงินสดและฐานะการเงินที่แข็งแกร่งของ AIS และ DTAC น่าจะช่วยลดทอนผลกระทบดังกล่าวต่ออันดับเครดิต ฟิทช์ยังกล่าวอีกว่าแม้ว่าจะใช้เงินลงทุนที่สูงในการขยายเครือข่ายการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G แต่ผู้ประกอบการน่าจะได้รับประโยชน์จากค่าใช้จ่ายที่จ่ายให้หน่วยงานภาครัฐที่ลดลง ซึ่งน่าจะส่งผลให้อัตราส่วนกำไรของบริษัทปรับตัวดีขึ้นในระยะปานกลางถึงระยะยาว
ฟิทช์กล่าวว่า การให้ใบอนุญาตโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G น่าจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาโครงสร้างของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย และช่วยให้เกิดการแข่งขันอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมระหว่างผู้ประกอบการ เนื่องจากการดำเนินงานอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขของใบอนุญาตที่เหมือนกัน การที่ผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เริ่มย้ายจากระบบ 2G ไปใช้บริการในระบบ 3G น่าจะส่งผลให้เกิดการเจรจาระหว่างผู้ประกอบการเอกชน และ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ในการแก้ไขหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของสัญญาสัมปทานเดิม ให้มีความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขภายใต้ใบอนุญาต 3G มากขึ้น
ฟิทช์ยังระบุในรายงานอีกว่า การจัดสรรคลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G น่าจะช่วยเพิ่มโอกาสของผู้ประกอบการจากแหล่งรายได้ใหม่โดยเฉพาะการให้บริการในรูปแบบที่ไม่ใช่เสียง (Non-voice service) ซึ่งรวมถึงการให้บริการอินเตอร์เน็ตบนมือถือ (Mobile internet) การให้บริการดาวโหลดข้อมูลผ่านมือถือ (Content download) และการให้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงแบบไร้สาย (Broadband wireless access) แนวโน้มการเติบโตที่สูงของรายได้จากการให้บริการในรูปแบบที่ไม่ใช่เสียง น่าจะช่วยลดผลกระทบจากการปรับตัวลดลงของรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้บริการ (Average revenue per user: ARPU) จากบริการในรูปแบบเสียง (Voice service) เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรง อย่างไรก็ตาม ฟิทช์กล่าวว่าการจัดสรรใบอนุญาตโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G อาจส่งผลให้มีผู้ประกอบการรายใหม่เข้าสู่อุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งนำไปสู่การแข่งขันที่รุนแรงขึ้นและอาจส่งผลกระทบต่อกำไรของผู้ประกอบการเดิมที่อยู่ในตลาด