ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังก่อนที่บริษัทเอกชนจะเปิดเผยผลประกอบการ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปิดลบเพียงเล็กน้อยเนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่มีมุมมองในด้านบวกทั้งต่อผลประกอบการและเศรษฐกิจ ซึ่งช่วยหนุนดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ปิดบวก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 5.67 จุด หรือ 0.06% แตะที่ 9,725.58 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 2.86 จุดหรือ 0.27% แตะที่ 1,057.58 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 6.76 จุด หรือ 0.32% แตะที่ 2,110.33 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.09 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 15 ต่อ 13 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.23 พันล้านหุ้น
เอริค รอส นักวิเคราะห์จากบริษัท Canaccord Adams ในนิวยอร์กกล่าวกับเอพีว่า "แม้ดาวโจนส์ปิดบวก แต่หุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง ส่วนดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ปิดบวกเนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองในด้านบวกต่อเศรษฐกิจ"
นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นหลังจากธนาคารกลางออสเตรเลียซึ่งเป็นประเทศแรกในกลุ่ม G20 ที่ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็น 3.25% จากเดิม 3.0% สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 3% ทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวแล้ว นอกจากนี้ การขึ้นดอกเบี้ยของแบงค์ชาติออสเตรเลียได้ฉุดสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนแอลง ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งขึ้นด้วย
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี ทางการสหรัฐจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนส.ค. ส่วนวันศุกร์จะมีการเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนส.ค.
หุ้นคอสท์โค โฮลเซล คอร์ป ดีดตัวขึ้น 1.07 ดอลลาร์ ปิดที่ 59 ดอลลาร์ หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรลดลง 6% ซึ่งลดลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณที่หุ้นมอนซานโตปิดลบ 1.03 ดอลลาร์ ปิดที่ 74.33 ดอลลาร์ หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุน 233 ดอลลาร์
หุ้นอัลโคปิดบวก 2.2% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการ ส่วนหุ้นเวริคส์ อนาไลติกส์ ปิดบวก หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้