ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับดาวโจนส์-ข้อเสนอธนาคารในญี่ปุ่นและราคาโลหะ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 13, 2009 10:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นในเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นเช้านี้ จากการคาดการณ์เรื่องธนาคารในญี่ปุ่นอาจจะเลื่อนการชำระหนี้ให้กับบริษัทเอกชนขนาดเล็ก และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้นช่วยหนุนหุ้นกลุ่มบริษัทผู้ผลิตวัตถุดิบให้ปรับตัวสูงขึ้น

ก่อนหน้านี้ นายชิสึกะ คาเมอิ รัฐมนตรีกระทรวงบริการการเงินญี่ปุ่นได้ออกมายืนยันว่า หนี้เสียของธนาคารของญี่ปุ่นคงจะไม่ปรับตัวสูงขึ้นเพราะการอนุญาตให้เลื่อนการชำระหนี้ของบริษัทเอกชนขนาดเล็กที่ประสบปัญหา โดยธนาคารไม่จำเป็นต้องแยกประเภทเงินกู้ที่อยู่ในแผนและถูกกำหนดไว้ว่าเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ซึ่งหมายความว่า ธนาคารเหล่านี้จะไม่ถูกบีบให้เพิ่มเงินสำรองหนี้สูญ เมื่อมีการเลื่อนเวลาในการชำระหนี้ออกไป

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 10,066.85 จุด เพิ่มขึ้น 50.46 จุด ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,371.82 จุด บวก 72.47 จุด ส่วนดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นโซลเปิดวันนี้ที่ 1,634.49 จุด ลดลง 5.32 จุด ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,484.46 ลบ 115.42 จุด และดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,676.80 ลบ 3.67 จุด

บลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี MSCI Asia Pacific Index บวก 0.4% แตะ 118.99 จุด เมื่อเวลา 9.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงโตเกียว

หุ้นมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป พุ่ง 2.4% หลังจากที่วอลล์ สตรีท เจอร์ยัล รายงานว่า รัฐบาลวางแผนที่จะอนุญาตให้บริษัทรายเล็กระงับการจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ หุ้นวู้ดไซด์ ปิโตรเลียม บริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของออสเตรเลีย บวก 1.3% หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์

สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 73 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (12 ต.ค.) โดยสัญญาปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์เพราะได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลง และหลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับเพิ่มคาดการณ์ดีมานด์พลังงานทั่วโลก

สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 1.50 ดอลลาร์ หรือ 2.09% ปิดที่ 73.27 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 72.05-73.84 ดอลลาร์

ฟูมิยูกิ นาคานิชิ นักวิเคราะห์ของเอสเอ็มบีซี เฟรนด์ ซิเคียวริตีส์ กล่าวว่า กระแสเงินไหลเข้าสู่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์และตลาดหุ้นอย่างหนาแน่น หุ้นวัตถุดิบมีแนวโน้มที่จะได้รับความสนใจ ส่วนภาวะการซื้อขายที่ซบเซาในตลาดเงินจะช่วยกระตุ้นนักลงทุนให้กลับเข้าซื้อหุ้นกลุ่มส่งออกและกลุ่มผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ