โบรกฯแนะ"ซื้อ"TTA เล็งปรับราคาเหมาะสมเพิ่ม มองดีล UMS ต่อยอดธุรกิจ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 16, 2009 14:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์(TTA)หลังจากกระแสข่าวการเข้าซื้อหุ้นและวอร์แรนต์ บมจ. ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส(UMS)มีความชัดเจนเช้านี้ มองช่วยต่อยอดธุรกิจระหว่างกันได้ดี TTA อาศัยช่องทางจำหน่ายและฐานลูกค้าของ UMS ในธุรกิจถ่านหิน ขณะที่ UMS อาศัยเรือขนส่งถ่านหินจากเหมืองในอินโดฯ คาดว่าในส่วนของ TTA จะเริ่มสร้างรายได้เข้ามาในปี 53

ขณะที่ TTA ยังน่าจะมีธุรกิจเดินเรือเป็นธุรกิจหลักต่อไป แนวโน้มดัชนีค่าระวางเรือเทกองขนาดเล็กยังปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โบรกฯ บางรายยังอยู่ระหว่างการปรับราคาเป้าหมาย TTA ด้วย

          โบรกเกอร์                 คำแนะนำ                    ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          บล.พัฒนสิน                   ซื้อ                         35.00
          บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) อยู่ระหว่างปรับประมาณการเพิ่ม          33.00 (+1.00-3.00)
          บล.บีฟิท                     ซื้อ                      32.00-34.00
          บล.กรุงศรีอยุธยา              ซื้อ                         32.00
          บล.ทรีนีตี้                    ซื้อ                         31.00

นายสิทธิเดช ประเสริฐรุ่งเรือง นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรีอยุธยา มองว่า TTA น่าจะยังเน้นธุรกิจเดินเรือเป็นธุรกิจหลัก ถ่านหินน่าจะเป็นแค่ธุรกิจเสริม แต่สิ่งที่ TTA น่าจะได้จาก UMS คือ การขยายฐานลูกค้าที่ UMS มีอยู่มาก เพราะ TTA กำลังสำรวจเหมืองถ่านหินในฟิลิปปินส์ อาจจะมีการนำเข้ามาขายให้ลูกค้าในประเทศที่เป็นฐานลูกค้าของ UMS และเรือบางส่วนของ TTA ก็ขนส่งถ่านหินอยู่แล้ว หลังจากนี้ก็อาจจะให้ UMS มาใช้เรือของ TTA

ส่วนการเข้าซื้อ UMS ที่เป็นธุรกิจซื้อมาขายไป ไม่ได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์ ซึ่งจากธุรกิจที่มีการแข่งขันรุนแรง มองว่า ลูกค้าสามารถหายได้ทุกเมื่อตามสภาพเศรษฐกิจและปัจจัยหลายๆอย่าง

ทั้งนี้ เรามองเป้ากำไรของ TTA ในปี 53 ไว้ที่ 1,800 ล้านบาท ส่วน UMS น่าจะมีกำไร 409 ล้านบาท โดยกำไรของ UMS คิดเป็นเพียง 22% ของ TTA ดังนั้น หาก TTA เข้าซื้อ UMS ในสัดส่วน 48% น่าจะช่วยให้กำไรของ TTA เพิ่มขึ้นมาอีก 11%

"เรายังไม่ปรับประมาณการ เพราะมองว่ากำไรเพิ่มขึ้น 5-10% อาจจะกระทบมูลค่าทางบัญชีไม่มาก จึงยังให้ราคาเป้าหมายของ TTA ไว้ที่ 32.00 บาทเหมือนเดิม"นายสิทธิเดช กล่าว

นักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า หากดีลบริษัทย่อยของ TTA เข้าซื้อหุ้นและใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของ UMS ประสบความสำเร็จครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ อาจจะมีการปรับราคาเหมาะสม TTA เพิ่มขึ้นอีก 1.00-3.00 บาท จาก 33.00 บาทในปัจจุบัน

นักวิเคราะห์ บล.บีฟิท กล่าวว่า คงแนะนำ"ซื้อ"หุ้น TTA ตั้งแต่ยังไม่รวมประเด็นเรื่องการเข้าซื้อ UMS เพราะยังประเมินภาพได้ไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม TTA มีสัมปทานเหมืองถ่านหินที่ฟิลิปปินส์แล้ว แต่ยังไม่มีมูลค่าตัวเงินที่ชัดเจน ทำให้ยังไม่ประเมินได้ แต่หากดูจากราคาเหมาะสม(Fair)ของ TTA ในตอนนี้อยู่ที่ 32.00-34.00 บาท ถ้าบวกเข้ามาก็ต้องเพิ่มขึ้นอีกแน่นอน

อย่างไรก็ตาม มองว่าการที่ TTA เข้าซื้อหุ้น UMS น่าจะสามารถต่อยอดธุรกิจระหว่างกันได้ดี เหมาะ TTA มีเหมืองถ่านหิน UMS มีช่องทางการจัดจำหน่าย ส่วนเรื่องที่ UMS อยู่ระหว่างการพิจารณาเข้าลงทุนในแหมืองถ่านหินที่อินโดนีเซียก็อาจจะไม่จำเป็นแล้ว เพราะมีเหมืองถ่านหินของ TTA อยู่แล้ว

"เรามองว่า UMS ก็ไม่จำเป็นต้องหาเหมืองเพื่อลงทุนเองแล้ว เพราะ TTA มีสัมปทานเหมืองฟิลิปปินส์ UMS มีช่องทางจำหน่าย ก็เหมือนกับ 2 ฝ่ายมารวมกันก็เดินหน้าธุรกิจต่อไปได้เลย ต่างฝ่ายต่างน่าจะได้ประโยชน์ร่วมกัน" นักวิเคราะห์ กล่าว

สำหรับ TTA มองว่าจากนี้ไปน่าจะทยอยปรับลดสัดส่วนรายได้จากการขนส่งเดินเรือลงจากเกือบ 100% ในปัจจุบัน แล้วหันมาทำธุรกิจเหมืองถ่านหินแบบจริงจัง ซึ่งในอนาคต TTA น่าจะทยอยรับรู้รายได้จากธุรกิจเหมืองถ่านหินมากขึ้นเรื่อยๆ

นักวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ คาดว่า ในภาวะที่ตลาดขนส่งสินค้าเทกองชะลอตัว TTA ได้ใช้กลยุทธ์ขยายการลงทุนในธุรกิจอื่น เช่น ธุรกิจปุ๋ยในประเทศเวียดนาม ธุรกิจเหมืองถ่านหินในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเราคาดว่าธุรกิจใหม่เหล่านี้จะเริ่มสร้างรายได้ให้กับ TTA ในปี 53 ประมาณ 50-100 ล้านบาท หรือประมาณ 5% ของกำไรทั้งหมด

ด้านรายได้จากค่าระวางเรือ เราได้ทำการปรับสมมติฐานค่าระวางเรือเฉลี่ยปี 53 เพิ่มขึ้นเป็น 12,500 เหรียญสหรัฐฯ ต่อลำต่อวัน จากเดิม 10,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อลำต่อวันส่งผลให้ประมาณการกำไรสำหรับปี 2553 เพิ่มขึ้นเป็น 2,223 ล้านบาท เทียบกับประมาณการเดิมที่ 1,397 ล้านบาท เพราะแม้ว่าดัชนีค่าระวางเรือเทกองรวม (BDI) เริ่มอ่อนตัวลงตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ค.เป็นต้นมา แต่ดัชนีค่าระวางเรือเทกองขนาดเล็กยังปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแสดงให้เห็นว่าตลาดเรือเทกองขนาดเล็กแข็งแกร่งกว่าตลาดเรือเทกองโดยรวม

ซึ่งเมื่อพิจารณาจากกองเรือของ TTA ที่ประมาณ 2 ใน 3 เป็นเรือเทกองขนาดเล็กทำให้เราคาดว่ารายได้จากค่าระวางเรือเฉลี่ยในไตรมาสนี้ของ TTA จะอยู่ในระดับ 13,500 เหรียญสหรัฐฯ ต่อลำต่อวันช่วยให้บริษัทมีกำไรในไตรมาส 4/52 เติบโตต่อเนื่อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ