(เพิ่มเติม) แกรนด์ ยู คาดปี 53 ยอดรับรู้ฯโตเป็น 1.05 พันลบ.,ปี 54 แตะ 3 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 4, 2009 12:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ (แกรนด์ ยู) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนในกลุ่ม บมจ.ยูนิเวนเจอร์ (UV) และ บมจ.แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) เดินหน้าเปิดขายโครงการอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อดันยอดรับรู้รายได้เติบโตเป็นเท่าตัวในปี 53-54 พร้อมลุยซื้อที่ดินใหม่รองรับการพัฒนาโครงการในอนาคต

ทั้งนี้ บริษัทได้เรียกชำระทุนจดทะเบียนให้เต็ม 600 ล้านบาท เพื่อเตรียมความพร้อมในการขยายการลงทุนเปิดดครงการใหม่เต็มรูปแบบ พร้อมกำหนดกลยุทธ์หลักในการซื้อที่ดินบริเวณแนวรถไฟฟ้า

แกรนด์ ยูฯ คาดว่าในปี 53 ยอดรับรู้รายได้จะเติบโตขึ้นเป็น 1.05 พันล้านบาท จากปีนี้อยู่ที่ประมาณ 487 ล้านบาท และในปี 54 ยอดรับรู้รายได้จะเติบโตก้าวกระโดดขึ้นเป็น 3 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 2 แห่งในไตรมาส 4/52 และ อีก 3 โครงการใหม่ในปีหน้า

ล่าสุด บริษัทเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่เพิ่มอีก 2 แห่งในไตรมาส 4/52 คือ โครงการยู ดีไลท์@ห้วยขวาง สเตชั่น มูลค่า1.2 พันล้านบาท จำนวน 597 ยูนิต และ โครงการยู ดีไลท์ @ จตุจักร สเตชั่น มูลค่า 1.8 พันล้านบาท จำนวน 900 ยูนิต รวมมูลค่า 3 พันล้านบาท

"จริงอยู่ที่ทำเลห้วยขวางมีโครงการคอนโดฯมาก แต่เรามีเป้าหมายกลุ่มลูกค้าชัดเจน ราคาคอนโดฯที่ห้วยขวางเริ่มต้น 1.39 ล้านบาท ถึง 1.89 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1.55 ล้านบาท เราเน้นกลุ่มคนทำงานที่มีฐานเงินเดือน 30,000-60,000 บาท/เดือน" นายธนพล ศิริชัย ประธานอำนวยการ แกรนด์ ยู กล่าว

ส่วนยอดขายในปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มเป็น 3 พันล้านบาท จากโครงการ 2 แห่งดังกล่าว จากปีนี้ที่มียอดขาย 1.2 พันล้านบาท และในปี 54 คาดว่ายอดขายจะเพิ่มเป็น 4 พันล้านบาท จากการเปิดตัวโครงการใหม่ในปีหน้า 3 โครงการมูลค่ารวม 4 พันล้านบาท

ขณะที่ปี 53 บริษัทตั้งงบซื้อที่ดินไว้ 500 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากเงินเพิ่มทุน โดยเน้นทำเลตามแนวรถไฟฟ้าปัจจุบน และห่างจากสถานีรถไฟฟ้า ประมาณ 1-2 กม.

นายธนพล คาดว่า ตลาดโครงการคอนโดมิเนียมยังมีความต้องการอยู่จริง ไม่ถึงขั้นเกิดภาพฟองสบู่ โดยส่วนที่ซื้อเพื่อลงทุนโดยรวมมีประมาณ 20%

และขณะนี้ บริษัทไม่มีนโยบายเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หลังจากที่ UV เข้าถือหุ้นใหญ่ 60% เพราะบริษัทแม่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ และอยู่ในกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อยู่แล้ว ขณะที่ LPN ถือหุ้น 20% และ กลุ่มเยาววงศ์ โฮลดิ้ง ถือ 20%



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ