ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 53.13 จุด จากแรงเทขายหุ้นไอที

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday January 30, 2010 08:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงส่งท้ายเดือนมกราคมเมื่อคืนนี้ (29 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ในภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและได้เทขายหุ้นกลุ่มดังกล่าวออกมาอย่างหนัก ซึ่งแรงเทขายนี้บดบังปัจจัยบวกจากการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐในช่วงเช้าของการซื้อขาย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 53.13 จุด หรือ 0.52% แตะที่ 10,067. 33 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 10.66 จุด หรือ 0.98% แตะที่ 1,073.87 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 31.65 จุด หรือ 1.45% ปิดที่ 2, 147.35 จุด

โดยตลอดทั้งเดือนมกราคม ดัชนีดาวโจนส์ตกลงไป 3.5% ส่วนดัชนี S&P ลดลง 3.7% และดัชนี Nasdaq ทรุดตัว 5.4% สำหรับบรรยากาศการซื้อขายเมื่อคืนนี้ ดัชนีปรับเพิ่มขึ้นกว่า 1% ในช่วงแรกของการซื้อขายจากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขผลผลิตมวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2552 เพิ่มขึ้น 5.7% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวมากที่สุดในรอบ 6 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนกลับเลือกที่จะเทขายหุ้น โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในเวลาต่อมา ซึ่งแรงเทขายดังกล่าวฉุดรั้งดัชนีให้ร่วงลงมาอยู่ในแดนลบ ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มบริษัทที่รายงานผลประกอบการดีเกินคาด และที่เป็นเช่นนั้นเพราะนักลงทุนสบโอกาสเทขายทำกำไรในช่วงที่บริษัทเหล่านี้มีสัญญาการดำเนินธุรกิจดีขึ้น

ขณะเดียวกัน นักลงทุนบางส่วนมีความกังวลว่า รายงานตัวเลขจีดีพีที่ขยายตัวเมื่อไตรมาสที่ผ่านมาจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ยาวนานแค่ไหน เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมบางกลุ่มยังคงซบเซา ขณะที่ตลาดแรงงานยังย่ำแย่

ด้านนักวิเคราะห์มองว่า การรายงานตัวเลขจีดีพีในวันนี้ดูออกมาดีก็จริง แต่ลึกๆแล้วก็ไม่ได้ขยายตัวได้สูงมากนักเมื่อเทียบกับจีดีพีของประเทศอื่นๆ และความไม่แน่ใจเรื่องระยะเวลาในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่กดดันการซื้อขายในตลาด หลังจากที่ก่อนหน้านี้จีนประกาศใช้มาตรการควบคุมการขยายตัวในตลาดสินเชื่อเพื่อบรรเทาความร้อนแรงทางเศรษฐกิจ ขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐประกาศแผนยกเครื่องระบบกำกับดูแลภาคธุรกิจธนาคารภายในประเทศ

ทั้งนี้ หุ้นไมโครซอฟท์ตกลง 3.36% หลังจากเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาบริษัทรายงานว่า ผลกำไรผลไตรมาส 2 ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธ.ค.พุ่งสูงถึง 60% และยังขยายตัวดีเกินคาด จากอานิสงส์ของยอดขายคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการเปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows 7 เมื่อเดือนต.ค. 2552

หุ้น Amazon.com ตกลงไปเกือบ 0.5% หลังรายงานกำไรที่ทะยานขึ้น 71% และคาดว่ารายได้ในปีนี้จะขยายตัวแข็งแกร่ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ