ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ม.ค.) ท่ามกลางแรงซื้อหุ้นกลุ่มเหมืองและธนาคารซึ่งช่วยหนุนให้ดัชนีดีดตัวกลับขึ้นมาเคลื่อนไหวในแดนบวกได้อีกครั้ง หลังจากที่ปิดร่วงลงตลอด 3 วันก่อนหน้านี้
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 42.78 จุด ปิดที่ระดับ 5,188.52 จุด
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนได้รับปัจจัยหนุนจากการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ขยายตัวดีขึ้นทั้งในและต่างประเทศ โดยราคาบ้านในอังกฤษเดือนม.ค.ทะยานขึ้นสูงสุดในรอบ 5 เดือน ขณะที่เศรษฐกิจเริ่มหลุดพ้นจากภาวะถดถอย ทั้งนี้ ราคาบ้านโดยเฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.2% จากเดือนก่อนหน้านี้แตะที่ 163,481 ปอนด์ และขณะนี้ราคาบ้านสูงกว่าปีที่แล้ว 8.6% แต่ลดลง 12% จากระดับสูงสุดในเดือนต.ค. 2551
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของอังกฤษเดือนม.ค.ขยายตัวได้เป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน เนื่องจากชาวอังกฤษเริ่มมีมุมมองในแง่บวกต่อภาวะเศรษฐกิจในประเทศมากขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่ระดับ 5.7% ในไตรมาส 4 ปี 2552 ซึ่งเป็นระดับการขยายตัวสูงสุดในรอบ 6 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ตาม ในเดือนนี้ ดัชนี FTSE 100 ตกลงไป 4.1% ท่ามกลางปัจจัยลบจากความเคลื่อนไหวในภาคการเงินของสหรัฐ ทั้งกรณีที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐเสนอแผนควบคุมการทำธุรกรรมที่มีความเสี่ยงของธนาคารพาณิชย์ในประเทศ ขณะที่รัฐบาลจีนก็ออกมาตรการคุมเข้มด้านตลาดสินเชื่อเพื่อควบคุมความร้อนแรงทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ หุ้นริโอ ทินโต กรุ๊ป บริษัทเหมืองรายใหญ่อันดับ 3 ของโลกพุ่งขึ้น 1.5% และหุ้นเอ็กซ์ตราต้า ผู้ผลิตทองแดงรายใหญ่อันดับ 4 ของโลกเดินหน้า 2.7% ส่วนหุ้นบีเอชพี บิลลิตันไต่ระดับขึ้น 1.3%
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มสถาบันการเงินปิดบวกสดใสเช่นกัน นำโดยหุ้นเอชเอสบีซีที่ขยายตัว 2.6% และหุ้นบาร์เคลย์สปิดเพิ่มขึ้น 2.1%