นายสมพล เกียรติไพบูลย์ ประธานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ที่ปรับตัวลงแรงมาจากปัญหาการเมืองเพียงอย่างเดียว เพราะจากการประเมินตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเซียไม่ได้มีปัญหาใดๆ และมองว่าหากภายใน 3 วันนี้ ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น สถานการณ์คลี่คลายลงได้ เชื่อว่านักลงทุนจะกลับเข้ามาลงทุน และตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นได้ เนื่องจากพื้นฐานตลาดหุ้นไทยยังแข็งแกร่ง ราคาหุ้นยังอยู่ระดับต่ำ
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ปะทะกันของเจ้าหน้าที่รัฐกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ชี้ให้เห็นถึงความรุนแรงที่อยู่เกินความคาดหมายที่สองฝ่ายคาดการณ์ไว้ และอยากให้ถือว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียน และไม่ควรจะเกิดขึ้นอีก
"ช่วงนี้ที่ตลาดหุ้นร่วงแรง เกิดจากความวิตกกังวลในช่วงสั้นเท่านั้น และอยากให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และผมก็มั่นใจว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นรุนแรงอีกแล้ว ซึ่งหุ้นร่วงแรงวันนี้มาจากเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ เพราะถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงกว่าที่คิดไว้"นายสมพล กล่าวนายสมพล กล่าวอีกว่า การที่ตลาดหุ้นปรับลดลง 5% เกิดจากความกังวลของนักลงทุนต่อเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง แต่ตลท. ยังไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือใดๆ ดูแล เพราะเชื่อว่านักลงทุนในและต่างประเทศสามารถประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ และสถานการณ์คลี่คลาย การลงทุนจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่หากดัชนีตลาดหุ้นปรับลดลง10% ตลท.พร้อมนำมาตรการเซอร์กิต เบรคเกอร์มาใช้ ซึ่งถือเป็นมาตรการปกติ
ด้านนางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท. กล่าวว่า หลังตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง 5% ได้มีการรายงานภาวะการลงทุนให้กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รับทราบ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนปกติ โดยหน่วยงานทั้ง 3 แห่งก็เข้าใจว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่มาจากปัญหาการเมือง
และขอแนะให้นักลงทุนติดตามสถานการณ์และข้อมูลอย่างใกล้ชิด เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ยากต่อการเดา ดังนั้น ช่วงวันหยุดสงกรานต์ 3 วัน จะเป็นช่วงที่นักลงทุนจะติดตามสถานการณ์และหวังว่าจะมีกระบวนการจัดการของภาครัฐ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์โดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในช่วงวันหยุด 3 วันต่อจากนี้ ฝ่ายบริหารของ ตลท.จะมีการประเมินสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิด และพร้อมเรียกประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องทันทีหากมีความจำเป็น แต่ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องเรียกประชุม เพราะสถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นสร้างความตื่นตระหนก ขณะเดียวกันเชื่อว่านักลงทุนต่างชาติยังไม่เปลี่ยนมุมมองการลงทุนในไทย
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร กรรมการผู้จัดการ บล.ทิสโก้ ในฐานะนายกสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยคงอยู่ในภาวะซึมในช่วงสั้น ๆเนื่องจากเหตุการณ์รุนแรงกว่าที่ประเมินไว้ และอาจมีผลกระทบต่อการทำงานของรัฐบาลที่อาจสั้นลงจากที่เคยคาดการณ์ อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลได้ และจะมีผลในช่วงรอยต่อการมีรัฐบาลใหม่ ซึ่งจะทำให้การผลักดันนโยบายต่างๆ ยากขึ้น ดังนั้น การลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะดีขึ้นจนกว่าจะมีปัจจัยบวกเข้ามา
ส่วนการที่ต่างชาติขายหุ้นสุทธิในช่วงนี้ มองว่าเป็นการขายที่ไม่มาก โดยเท่าที่เห็นยังมีเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุนในภูมิภาคเอเซีย เนื่องจากสถานการณ์ในประเทศแถบยุโรป สหรัฐ ยังไม่ดี
"หากเกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ก็รู้สึกกังวล ใครจะเข้ามาดูแลเศรษฐกิจในช่วงรอยต่อ จุดนี้ถึงเป็นสิ่งสำคัญ"นายไพบูลย์ กล่าว