ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้เลื่อนการเดินทางนำเสนอข้อมูลการลงทุน (โรดโชว์) ที่ประเทศแถบยุโรป สหรัฐ และเอเซีย จากกำหนดเดิมที่จะโรดโชว์ในเดือน มิ.ย.53 และจากสถานการณ์ความไม่สงบและเหตุจราจลที่เกิดขึ้น ขณะนี้ ตลท.อยู่ระหว่างการสอบถามและตรวจสอบผลกระทบที่เกิดขึ้นแก่บริษัทจดทะเบียนใน กลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม-ค้าปลีก
อย่างไรก็ตาม ตลท. ระบุว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 1/53 เติบโต 80% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 30% เมื่อเทียบไตรมาส 4/52
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท. กล่าวว่า ตลท.มีแผนเลื่อนการโรดโชว์ต่างประเทศ เนื่องจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองที่เกิดขึ้น และต้องการรอการทำชี้แจงจากทางการ รวมถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ประกาศออกมาควบคู่กันไปด้วย แต่ยืนยันว่า ตลท.ยังคงเดินหน้าโรดโชว์ในต่างประเทศ ตามแผนต่อไปเพียงแต่ได้เลื่อนการโรดโชว์ออกไปก่อนเท่านั้น
ทั้งนี้ ตลท.ได้มีการสอบถามไปยังบริษัทจดทะเบียนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุจราจล เช่น กลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม และค้าปลีก ทั้งความเสียหายที่เกิดขึ้น และการทำประกันภัย รวมถึงผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ ซึ่งคาดว่าผลกระทบจะเห็นชัดเจนในไตรมาส 2/53
อย่างไรก็ตาม จากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 1/53 มีกำไรรวม 1.57 แสนล้านบาท ถือเป็นระดับที่น่าพอใจ แต่ต้องการให้ผู้ลงทุนมีการติดตามและประเมินสถานการณ์ของผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2-3/53
ส่วนระบบ net settlement ตลท.ได้มีการหารือกับสมาชิกแล้ว โดยคาดว่าในวันนี้จะสามารถแก้ปัญหาระบบ net settlement ที่ค้างอยู่ตั้งแต่วันที่ 17-19 พ.ค.53 ได้หมด
นางภัทรียา กล่าวอีกว่า จากการหารือกับโบรกเกอร์ต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่มีการสอบถามและเป็นห่วงใน 2 เรื่อง คือระบบการซื้อขาย และเวลาในการซื้อขาย ซึ่งยอมรับว่านักลงทุนต่างชาติบางกลุ่มยังกังวลการลงทุนในไทย และบางกลุ่มยังชะลอการลงทุนอยู่ สะท้อนว่าต่างชาติยังคงมีการขายสุทธิ
"เท่าที่เราคุยกับโบรกเกอร์ต่างประเทศ บางกลุ่มก็ต้องการรอดูสถานการณ์ก่อนจะเข้าลงทุน บางกลุ่มก็ยังไม่อยากลงทุน เพราะต้องการความชัดเจนและรอให้เหตุการณ์คลี่คลายก่อน ดังนั้นช่วงนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ยังเห็นต่างชาติขายสุทธิอยู่ แต่เราได้มีการชี้แจงถึงประเด็นที่ต่างชาติห่วง ว่าเราการซื้อขายและระยะเวลาในการเทรดไม่มีปัญหา และเข้าใจถึงความรู้สึกของเขา ว่าจะต้องรอดูสถานการณ์อีกระยะ ซึ่งบางรายในส่วนของข้อมูลหรือภาวะก็ได้มีการติดตามจาก Analyst ไปแล้ว" นางภัทรียา กล่าวส่วนการที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ประกาศห้ามการทำธุรกรรมของบุคคลที่ถูกขึ้นบัญชี 166 ราย ตลท.ได้มีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และบริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งเบื้องต้น ยังไม่พบการทำธุรกรรมจำนวนมากผ่าน ตลท.
นางภัทรียา กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายหุ้นในวันนี้ ช่วงเช้ายังมีการซื้อขายเป็นปกติ ระบบการซื้อขายยังเชื่อมต่อด้วยดี โดยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นถึง 15,000 ล้านบาท ระดับราคาลดลง 18 จุด คิดเป็น 2% กว่า ซึ่งได้ประเมินสถานการณ์และพูดคุยกับนักวิเคราะห์พบว่า การเทขายหุ้นในช่วงเช้าเกิดจากปัจจัยการเมืองเป็นหลักที่นักลงทุนบางรายยังเป็นห่วง และขอรอดูเหตุการณ์ ทำให้มีแรงเทขายพอสมควร
ดังนั้น จึงต้องการให้นักลงทุนติดตามข้อมูลต่างๆ ปัจจัยการเมืองที่เกิดขึ้น รวมถึงการบริหารจัดการของภาครัฐ และการประกาศผลประกอบการของเอกชนในไตรมาส 1/53 ที่บางแห่งยังมีผลประกอบการที่ดี ขณะที่โบรกเกอร์ได้กลับมาทำงานตามปกติแม้จะมีโบรกเกอร์ 3-4 แห่ง ที่มีสำนักงานในพื้นที่แยกราชประสงค์ยังไม่สามารถเข้าทำงานได้ แต่สามารถใช้ระบบสำรองของโบรกเกอร์และตลท.ดำเนินการได้
สำหรับอาคารสำนักงาน ตลท. ถ.รัชดาภิเษก ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงซ่อมแซม คาดว่าใช้เวลา 1 เดือน แล้วเสร็จเพื่อเข้าทำงานได้ตามปกติ ส่วนมูลค่าความเสียหายได้มอบหมายให้บริษัทประกัน และผู้รับเหมาก่อสร้างเข้ามาประเมินความเสียหายแล้ว ซึ่งคาดว่าความเสียหายคงมีไม่มาก เนื่องจากไฟไหม้เพียงแค่ชั้นล่างเท่านั้น และวงเงินประกันคงคุ้มครองได้หมด