กลุ่มธนชาต จัดทัพผู้บริหารรุ่นใหม่ลุยธุรกิจ Bancassurance ตั้งเป้าเบี้ย 10,000 ล้านบาท Cross Selling ขายผลิตภัณฑ์ผ่านกว่า 250 สาขาของธนาคารธนชาต โดยเปิดตัว 2 ผู้บริหารใหม่ นายวิจักษณ์ ประดิษฐวณิช อดีตกรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนชาต โบรกเกอร์ รั้งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการธนชาตประกันชีวิต ขณะที่เลื่อนตำแหน่งนายพีระพัฒน์ เมฆสิงห์วี อดีตผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ เป็นกรรมการผู้จัดการ ธนชาตประกันภัย
ในปีนี้บริษัท ธนชาตประกันชีวิต และบริษัท ธนชาตประกันภัย ตั้งเป้าหมายในการขายผลิตภัณฑ์ของทั้งสองบริษัท ในช่องทาง Bancassurance ไว้ที่ 10,000 ล้านบาท โดยขายผ่านทางสาขาของธนาคารธนชาตที่มีอยู่กว่า 250 สาขา โดย ธนชาตประกันภัยยังคงเน้นที่ผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์เป็นหลัก ส่วนของธนชาตประกันชีวิตได้เน้น ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตสินเชื่อ เช่าซื้อรถยนต์
นายวิจักษณ์ กล่าวว่า ภายใต้การบริหารยังคงดำเนินการตามแนวทางของกลุ่มธนชาตที่มุ่งประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ โดยจะเน้นการให้บริการแบบครบวงจร สะดวก และรวดเร็ว โดยจะรุกตลาดด้าน Bancassurance ผ่านช่องทางสาขาของธนาคารธนชาต ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับไว้ที่ 5,500 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นร้อยละ 70 จากเป้าหมายการเติบโตของบริษัทที่ 6,550 ล้านบาท
ส่วนที่เหลือเป็นประกันกลุ่มสหกรณ์, Corporate และอื่น ๆ โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือลูกค้าของกลุ่มธนชาตเป็นหลัก และเน้นผลิตภัณฑ์คุ้มครองสินเชื่อ ส่งเสริมให้มีการขาย Cross Selling ในกลุ่มธนชาตโดยอาศัยกลยุทธ์ ข้อมูล และการตลาดร่วมกับธนชาตประกันภัยอย่างจริงจังมากขึ้น ด้วยเทคโนโลยีล่าสุดของระบบ Sale Ordering มาช่วยอำนวยความสะดวกในการขาย เพื่อรองรับการขยายตัวของ Cross Selling ด้วย
นายวิจักษณ์ กล่าวว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกันกับธนชาตประกันภัย ทำให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในแต่ละกลุ่ม ทั้งในเรื่องของการจัดการความเสี่ยงรวมถึงผลตอบแทนจากการลงทุนอย่างเหมาะสม
ล่าสุดบริษัทฯได้ต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์ Thanachart Smile Car ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตสำหรับลูกค้าเช่าซื้อรถยนต์มาเป็น Thanachart Smile Car Plus ซึ่งให้ความคุ้มครองเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม โดยคุ้มครองชีวิตในทุกกรณี และรับผลประโยชน์เพิ่มเติมอีก 100% ของทุนประกันภัย หากเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงจากอุบัติเหตุ ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าจะตรงใจลูกค้าและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยวางเป้าเฉพาะผลิตภัณฑ์นี้ไว้ที่ 1,000 ล้านบาท เพิ่มจากปัจจุบันที่ธนชาตประกันชีวิตมีลูกค้าเช่าซื้อรถยนต์ของธนาคารธนชาตที่ทำประกันชีวิต Thanachart Smile Car แล้วกว่า 356,000 ราย คิดเป็นเบี้ยประกันภัยรับกว่า 3,435 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้เตรียมรุกตลาด SME ด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และเพิ่มช่องทางการขายให้เป็น Multi Channelมากยิ่งขึ้น โดยในขณะนี้ได้เตรียมเสริมช่องทางการตลาดเพิ่มผ่านทาง Telemarketing นอกเหนือจากเดิมที่ขายผ่าน Bancassurance กลุ่มองค์กร สหกรณ์ และโบรกเกอร์ เป็นหลัก
ผลดำเนินงานไตรมาส 1/53 บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 2,095.85 ล้านบาท เติบโต 29.24% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน กำไร 137 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 102 % แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 77.58 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยชำระครั้งเดียว 1,814.19 ล้านบาท ซึ่งเบี้ยประกันภัยชำระครั้งเดียวธนชาตประกันชีวิตยังคงเป็นอันดับ 1 ของธุรกิจ ส่วนประกันกลุ่มบริษัทฯมีเบี้ยประกันภัยรับ 1,893.53 ล้านบาท เป็นอันดับ 1 ของธุรกิจเช่นกัน
บริษัทฯ ยังคงนโยบายที่จะพยายามรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจประกันกลุ่มให้ได้อย่างต่อเนื่อง ในส่วนของเงินกองทุน ณ สิ้นไตรมาส 1/53 บริษัทฯมีเงินกองทุนกว่า 500% สูงกว่าเกณฑ์ที่สำนักงาน คปภ.กำหนด และมีเงินสำรองประกันชีวิตกว่า 15,900 ล้านบาท
ด้านนายพีระพัฒน์ เปิดเผยว่า ในปี 53 บริษัทตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับรวม 4,000 ล้านบาท ติดอันดับ 1 ใน 10 ของอุตสาหกรรม โดยเน้นขายผ่านช่องทาง Bancassurance เป็นหลัก ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับผ่านช่องทางนี้ไว้ที่ 3,400 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 153%
ในช่วงไตรมาส 1/53 เบี้ยประกันภัยรับของบริษัทมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะการขายผ่านสาขาของธนาคารธนชาต เติบโตถึง 134% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการประสบความสำเร็จในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยทั้งประกันภัยรถยนต์ และการประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ให้กับลูกค้าบุคคลรายย่อย ทั้งในส่วนที่เป็นลูกค้าของธนาคารธนชาต และลูกค้ารายย่อยทั่วไป
ปีนี้บริษัทฯ มีแผนนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มทางเลือกและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม เช่นผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ของบริษัทมีหลายรูปแบบ ได้แก่ ประกันภัยรถยนต์ประเภท 1, ประเภท 2, ประเภท 2+, ประเภท 3 , พ.ร.บ. รวมถึงการประกันภัยรถยนต์ One Lite สินค้าตัวใหม่ ซึ่งเป็นประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 แบบประหยัดเหมาะสำหรับลูกค้าที่ใช้รถน้อยและขับรถดี ที่ได้เริ่มนำเสนอสู่ตลาดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
กลยุทธ์ในปีนี้บริษัทฯ หลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคา โดยการกำหนดราคาของผลิตภัณฑ์แต่ละแบบพิจารณาจากข้อมูลสถิติและประวัติการขับขี่ของแต่ละกลุ่มลูกค้า โดยมีนโยบายว่าลูกค้าที่มีประวัติการขับขี่ที่ดีจะได้รับการเสนอเบี้ยประกันภัยที่ประหยัดกว่าปกติ รวมถึงได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษเพื่อเป็นการคืนกำไรให้กับลูกค้า นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพการให้บริการด้านสินไหมทดแทนรถยนต์ โดยเน้นความรวดเร็วในการเข้าถึงที่จุดเกิดเหตุของเจ้าหน้าที่สำรวจภัย
และปัจจุบันบริษัทได้นำระบบ CLAIM ONLINE มาใช้กับอู่ในเครือของบริษัท ทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวก รวดเร็วมากขึ้น โดยสามารถนำรถเข้าแจ้งซ่อมได้ที่อู่ในเครือทั่วประเทศ นอกจากนี้บริษัทยังได้จัดตั้งทีมงานในการตรวจสอบและติดตามสถานะการซ่อมและกำหนดเวลาเสร็จที่ชัดเจนเพื่อแจ้งให้ลูกค้าทราบด้วย
ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/53 บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 937 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 27% และมีผลกำไรจากการดำเนินธุรกิจ 76.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 590% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทมีความมั่นคงทางด้านการเงินสูง ณ สิ้นไตรมาส 1/53 มีอัตราส่วนเงินกองทุน(Fund Capital Ratio)อยู่ที่ระดับ 368% สูงกว่าเกณฑ์ที่สำนักงาน คปภ. กำหนดไว้ที่ไม่ต่ำกว่า 150%