โบรกฯมองกลุ่มโรงกลั่น-ปิโตรฯใน H2/53 ไม่สดใส วิตกศก.โลกฉุดราคาน้ำมัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 7, 2010 09:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ มองแนวโน้มกลุ่มปิโตรเคมีและโรงกลั่นในครึ่งหลังปี 53 ไม่สู้ดี ปัจจัยหลักมาจากราคาน้ำมันตลาดโลกที่คาดว่าจะไม่ขึ้นมาตามที่คาดไว้ เนื่องจากมองว่าการฟื้นตัวภาวะเศรษฐกิจโลกจะไม่ดีขึ้นอย่างที่คาดการณ์ ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มไม่มาก ส่งผลให้ธุรกิจโรงกลั่นในครึ่งปีหลังไม่ดีนัก ขณะที่กลุ่มปิโตรเคมีที่อิงราคาน้ำมัน ก็จะมีส่วนต่างราคา(สเปรด)ไม่สูงกว่าครึ่งปีแรก จากซัพพลายใหม่ที่ทยอยเข้าตลาด

นายชาญวุทธ เตชอมรธนกิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา มองว่าครึ่งปีหลังกลุ่มปิโตรเคมี และ กลุ่มโรงกลั่น อาจไม่สดใสเท่ากับครึ่งปีแรก ปัจจัยหลักขึ้นกับราคาน้ำมันว่าจะกลับมาเพิ่มขึ้นได้เหมือนเดิมหรือไม่ อย่างไรก็ตาม มองว่าระยะสั้น ราคาน้ำมันถูกกดดันจากความวิตกของภาวะเศรษฐกิจโลก และที่ผ่านมาราคาสวิงแรง แต่ในระยะยาวเชื่อว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้นได้ โดยมองราคาเฉลี่ยทั้งปี 53 อยู่ที่ 75 เหรียญ/บาร์เรล จากช่วงนี้ราคาน้ำมันดิบแกว่งตัวในช่วง 70-80 เหรียญ/บาร์เรล

ทั้งนี้ แนวโน้มกลุ่มปิโตรเคมีในสายโอเลฟินส์ คาดว่าส่วนต่างระหว่างราคา(สเปรด) น่าจะชะลอตัวลง ตามซัพพลายใหม่ที่เข้ามาในตลาด และคาดว่าส่วนต่างจะต่ำกว่าในครึ่งปีแรก ส่วนสายอะโรเมติกส์ แนวโน้ม สเปรดน่าจะทรงตัวได้ เพราะซัพพลายใหม่เข้ามาในตลาดน้อยกว่า

ในแง่ผลประกอบการของกลุ่มปิโตรเคมีน่าจะทรงตัว แต่ บมจ.ปตท.เคมิคอล (PTTCH) ที่มีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มขึ้น ช่วยชดเชยราคาที่ปรับลดลงมากทำให้มีแนวโน้มผลประกอบการดี

ขณะเดียวกัน เห็นว่าในช่วงนี้กลุ่มโรงกลั่นยังไม่น่าลงทุน เพราะผลประกอบการในไตรมาส 2/53 คงออกมายังไม่ได้ดีมาก ค่าการกลั่นคาดว่ายังทรงๆ อยู่ ซึ่งมองว่าค่าการกลั่นน่าจะฟื้นตัวจากปลายปีที่แล้วตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว แต่ภาวะเศรษฐกิจโลกขณะนี้ยังไมได้ฟื้นตัวอย่างที่คาดไว้ กดดันความต้องการใช้น้ำมัน

"ณ วันนี้ กับต้นปีที่ผ่านมา ภาพของตลาดโลก การฟื้นตัว ดูไม่เหมือนกัน คือตอนต้นปีแนวโน้มน่าจะฟื้นตัวได้ และเติบโตดีในช่วงสิ้นปีนี้ แต่พอเกิดวิกฤตเศรษฐกิจยุโรปในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ภาพการฟื้นตัวของตลาดไม่เหมือนเดิมอย่างที่เคยมองเอาไว้ว่าจะฟื้นได้จริงหรือเปล่า หรือฟื้นช้ากว่าที่คาด หรือว่าจะเป็นอย่างไร ฉะนั้นก็ต้องติดตามอีกสักระยะหนึ่ง จึงมองว่าเป็นความเสี่ยง"นายชาญวุทธ กล่าว

ทั้งนี้ เลือก PTTCH เป็น top pick เพราะมีเรื่องของกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ในแง่ราคาพื้นฐานอยู่ที่ 126 บาท ราคาขณะนี้ยังไม่สะท้อนพื้นฐาน

นอกจากนี้ แนะนำให้ลงทุน บมจ.ปตท (PTT) และ หุ้น ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) ซึ่งได้รับผลดีจากผลความต้องการก๊าซเพิ่มขึ้น แต่จะอ่อนไหวกับเรื่องราคาน้ำมันเร็วมาก ตามสมมติฐานราคาน้ำมัน 75 เหรียญ/บาร์เรล คือดูตาม Fundemental ก็ยังดีอยู่

นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย มองว่า ในช่วงครึ่งปีหลังหุ้นกลุ่มโรงกลั่น และกลุ่มปิโตรเคมี ไม่มีจุดน่าสนใจต่อการลงทุน เพราะขึ้นอยู่กับราคาน้ำมัน สาเหตุหลักจากความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวจริงหรือไม่ โดยปัญหาเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ สหรัฐ ยุโรป และ จีน ที่ตัวเลขเศรษฐกิจเริ่มแผ่วลง ฉะนั้นจะคาดหวังให้ราคาน้ำมันขึ้นไปเร็วและแรงยาก และการเก็งกำไรราคาน้ำมันในช่วงครึ่งปีหลังก็เป็นไปได้ยาก จึงคิดว่าราคาน้ำมันคงไม่หวือหวา แต่ก็เห็นว่าราคาน้ำมันจะไม่ลงแรง คาดว่าครึ่งปีหลังราคาน้ำมันน่าจะวิ่งในช่วง 68-85 เหรียญ/บาร์เรล

"หุ้นกลุ่มนี้ก็จะดูไม่ดีสักเท่าไร ถ้าเรามาพิจารณาเรื่องผลประกอบการของกลุ่มปิโตรฯและโรงกลั่น ช่วงครึ่งปีหลังผลประกอบการไม่ดีอยู่แล้ว ส่วนหนึ่งตามาราคาน้ำมัน ค่าการกลั่นในครึ่งปีหลังน่าจะทรงตัวจากครึ่งปีแรก ราคาน้ำมั้นไม่ขึ้นไป ค่าการกลั่นไม่ได้ขึ้นมากมาย"นายกวี กล่าว

อย่างไรก็ดี แนะให้ลงทุน PTTEP แม้ราคาหุ้นจะวิ่งตามราคาน้ำมันแต่ไม่ผันผวนมาก เพราะส่วนใหญ่ยอดขายเป็นก๊าซ และเห็นว่าถ้าดัชนีขึ้นไปถึง 900 จุด fund flow เข้ามาหุ้นกลุ่มนี้ก็น่าจะปรับขึ้น

ด้านนายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายหลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)มองว่า ธุรกิจโรงกลั่นปีนี้ยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน ซึ่งค่อนข้างผันผวนตามราคาน้ำมัน หากราคาน้ำมันในไตรมาส 3/53 ปรับลงมา ค่าการกลั่นก็ไม่ดี หรือ ไตรมาส 4/53 ราคาน้ำมันไม่ดี ก็มีโอกาสจะเกิด stock loss ได้

ส่วนกลุ่มปิโตรเคมีในปีนี้ มีกำลังการผลิตใหม่เข้ามามาก ทำให้สเปรดอ่อนตัวลง เชื่อว่าครึ่งปีหลังคงยังไม่ฟื้นตัว คาดว่าสเปรดครึ่งปีหลังจะใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก โดยมองว่าทั้งกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมี ในไตรมาส 2/53 จะถึงจุดต่ำสุด ฉะนั้น คงต้องรอไป 1-2 ปีข้างหน้าถึงจะลงทุนในกลุ่มโรงกลั่นและกลุ่มปิโตรเคมี โดยครึ่งปีหลังยังมองทิศทางไม่ได้ชัดเจน อาจจะมองว่าราคาหุ้นอาจอ่อนตัวลงมาได้อีก

"เราดู earning ว่าไตรมาส 2 น่าจะ bottom out แล้ว แต่ในไตรมาส 3-4 ราคาน้ำมันก็ยังผันผวน ตามตลาดโลกก็อาจมีโอกาส stock loss ได้ วันนี้ไม่ชัดว่าราคาน้ำมันจะฟื้นตัวแรงๆ และ earning ปีนี้ก็ไม่ได้โดดเด่นมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว"นายกิติชาญ กล่าว

ทั้งนี้ คาดว่า ราคาน้ำมันในครึ่งปีหลังน่าจะอยู่ช่วง 70-85 เหรียญ/บาร์เรล

หุ้นที่น่าสนใจ คือ PTTEP โดยถ้าเรื่องแหล่งมอนทาราจบ ซึ่งคาดว่าน่าจะจบภายใน 1-2 สัปาดห์นี้ น่าจะทำให้นักลงทุนสนใจงบการเงิน โดยเฉพาะผลกำไรของบริษัทมากขึ้น น่าจะทำให้ราคาหุ้น PTTEP โดดเด่นได้ในครึ่งปีหลัง เพราะทั้งปริมาณขายและราคาขายปรับสูงขึ้น และถ้าเทียบกับครี่งปีหลังในปีก่อนที่ต้องตั้งสำรองกรณีที่น้ำมันรั่วในแหล่งมอนทารา รวม 300 ล้านเหรียญ แต่ในครึ่งหลังปีนี้จะไม่มีการตั้งสำรองนี้อีก และยังได้เงินประกันคืนมาคาดว่าจะได้ 210 ล้านเหรียญด้วย มองราคาเป้าหมายไว้ที่ 195 บาท

นางวชิราลักษณ์ นางวชิราลักษณ์ แสงเลิศศิลปชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้ คาดกำไรในกลุ่มโรงกลั่นไม่ค่อยน่าประทับใจ และคาดว่ากำไรในครึ่งปีหลังจะน้อยกว่าครึ่งปีแรก โดยแนวโน้มราคาน้ำมันอยู่ในช่วง 70-80 เหรีญญ/บาร์เรล และคาดว่าทั้งปีราคาเฉลี่ยที่ 77 เหรียญ/บาร์เรล เนื่องจากซัพพลายน้ำมันมากกว่าความต้องการ มาจากความกังวลว่าจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจกันอีกรอบ

อย่างไรก็ตาม หากราคาหุ้นกลุ่มนี้หากปรับลงไปมากก็ยังโอกาสเป็นจังหวะเข้าซื้อ โดยมองว่าตลาดหุ้นปีหน้าจะดีขึ้นได้ เพราะราคาหุ้นในขณะนี้เทรดบนพรีเมี่ยมน้อยมาก

"ถ้าราคาหุ้นตกไปด้วยการตกใจภาวะเศรษฐกิจอีก และลงไปลึกหนักๆ รอบนี้คนก็จะกล้าซื้อของแล้ว คือหุ้นอาจจะตกและมีแรงขึ้นกลับมาใหม่ ซึ่งมีโอกาสฟื้นตัวในปีหน้า" นางวชิราลักษณ์ กล่าว

หุ้นที่น่าสนใจเข้าลงทุนหากราคาปรับลงมากได้แก่ TOP, PTT ,PTTCH


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ