บลจ.บัวหลวง ออกกองทุนเปิดบัวหลวงทริกเกอร์ 15% เสนอขาย 8-16 ก.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 7, 2010 16:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวศิน วัฒนวรกิจกุล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจกองทุนรวม บลจ.บัวหลวง เปิดเผยว่า บลจ.บัวหลวง เตรียมเสนอขายกองทุนเปิดบัวหลวงทริกเกอร์ 15% ระหว่างวันที่ 8-16 ก.ค. นี้ หลังจากประสบความสำเร็จกับบัวหลวงทาร์เก็ตรีเทิร์นที่สร้างผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนได้ 27.17% ภายใน 1 ปี 7 เดือน จากเป้าหมาย 25% ภายใน 3 ปี ที่ตั้งไว้

กองทุนดังกล่าวจัดเป็นกองทุนผสมที่มีกำหนดระยะเวลาการลงทุนชัดเจน และมีเป้าหมายการบริหาร คือ จะพยายามสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นให้ได้ผลตอบแทน 15% ภายใน 24 เดือน และสามารถเลิกกองทุนได้ก่อน 24 เดือน หากสร้างผลตอบแทนได้ไม่น้อยกว่า 15%

สำหรับเงื่อนไขการเลิกกองทุนก่อน 24 เดือน คือ 1) ราคาหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 11.65 บาท เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกัน และ 2) ราคามูลค่าหน่วยลงทุนที่จะรับซื้อคืนโดยอัตโนมัติ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 11.50 บาท และ 3) ทรัพย์สินของกองทุนเป็นเงินสดหรือเงินฝากธนาคารทั้งหมด และในกรณีที่กองทุนอายุครบ 24 เดือนก่อน กองทุนจะทำการขายคืนหน่วยลงทุนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนตามมูลค่าหน่วยลงทุนในขณะนั้น โดยเงินที่ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับคืน จะเป็นไปตามการบริหารกองทุนในระยะเวลา 24 เดือน ซึ่งอาจมากกว่าหรือน้อยกว่า 10 บาทก็ได้

กองทุนนี้มีการกำหนดอัตราผลตอบแทนเป้าหมาย และระยะเวลาการลงทุนสูงสุดที่ชัดเจน ซึ่งแตกต่างจากกองทุนเปิดโดยทั่วไปของ บลจ.บัวหลวง ทั้งยังมีความยืดหยุ่นในด้านการบริหาร โดยสามารถปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ได้ และด้วยเหตุที่กองทุนเปิดขายเพียงครั้งเดียว ไม่เปิดรับซื้อคืนระหว่างการลงทุนจนกว่าจะครบ 24 เดือน หรือก่อนหน้านั้นหากสร้างผลตอบแทนได้ถึงเป้าหมาย ทำให้ผู้จัดการกองทุนนำเงินไปลงทุนได้อย่างเต็มจำนวน และมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องสำรองเงินสดไว้สำหรับการรับซื้อคืนหน่วยลงทุน

จากสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน และแนวโน้มการลงทุนมีทิศทางที่ดีขึ้น จากพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศแถบเอเชียที่แข็งแกร่งกว่าประเทศฝั่งอเมริกาและยุโรป ทำให้มีการย้ายเงินทุนมายังประเทศแถบเอเชียมากขึ้น ส่วนประเทศไทย พื้นฐานทางเศรษฐกิจ และการเงินก็ยังถือว่าแข็งแกร่ง การส่งออก ซึ่งถือเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจยังไปได้แม้จะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะเติบโตได้ 5% ถึง 6% ซึ่งจัดว่าอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราการเติบโตสูงในภูมิภาคเอเชีย

นอกจากนี้ ราคาของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทย ยังต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับภูมิภาค โดยดูได้จากประมาณการ P/E 2011 เท่ากับ 9.9 เท่า ซึ่งต่ำกว่าภูมิภาคที่ระดับประมาณ 12 เท่า ในขณะที่มีการคาดการณ์การเติบโตของรายได้ของบริษัทจดทะเบียนใน 2-3 ปีข้างหน้า อยู่ในระดับ 15-20% สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้เราเชื่อว่า การลงทุนในตลาดหุ้นยังมีโอกาสและจังหวะในการสร้างผลตอบแทน 15% ภายใน 2 ปีได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ