(เพิ่มเติม) IFS คาดได้เงินจากการระดมทุนกว่า 100 ลบ. ขยายธุรกิจแฟคตอริ่ง-ลิสซิ่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 21, 2010 16:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายตัน เล เยน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ไอเอฟเอส แคปปิตอล (ประเทศไทย) หรือ IFS คาดว่าจะสามารถนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเดือนสิงหาคม 2553 จากจำนวนหุ้นที่เสนอขาย จำนวน 120 ล้านหุ้น เนื่องจากบริษัทมีความพร้อมและด้วยสภาวะของตลาดทุนที่เอื้ออำนวย เศรษฐกิจของประเทศก็ฟื้นตัวอย่างชัดเจน ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนและเข้าจดทะเบียนได้ประมาณในปลาย กรกฎาคม - ต้นสิงหาคม

"เป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่เข้าตลาดฯเพราะต้องใช้เงินเยอะ และมีช่องทางระดมทุนได้หลากหลายไม่จำเป็นต้องเป็นแบงก์ มีชื่อเสียงลูกค้าใช้บริการของเราจะรู้สึกมั่นคง เพราะเราอยู่ในตลาดจะได้สบายใจคนรู้จักเรา เวลาทำตลาดหรือหาลูกค้าใหม่จะช่วยเราทำตลาดได้มากขึ้น"นายตัน กล่าว

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนกว่า 100 ล้านบาทนั้น จะนำไปใช้ในการขยายการให้บริการและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัททั้งฯ ด้านสินเชื่อแฟคตอริ่ง และสินเชื่อเช่าซื้อ เพราะเห็นว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพ เนื่องจากเศรษฐกิจยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหมายถึงธุรกิจของ IFS ที่ยังสามารถขยายตัวได้อีกมากเช่นกัน

นายตัน กล่าวต่อว่า หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดแล้วบริษัทจะเริ่มทำธุรกิจลิสซิ่ง(เช่าซื้อ)ในภาคอุตสาหกรรม เช่น เครื่องจักรอุตสาหกรรม ปัจุบันสัดส่วนรายได้จะมาจากธุรกิจแฟคตอริ่ง 88% ลิสซิ่ง 8-10% อย่างไรก็ตาม รายได้จากธุรกิจลิสซิ่งในปีนี้อาจจะยังมีไม่มาก เพราะมีเวลาแค่ 4 เดือน คือ ก.ย.-ธ.ค.53

"ปี้นี้รายได้จากลิสซิ่งยังไม่ได้ตั้งเป้ามากมายนัก แต่ปี 54 เรามี target" นายตัน กล่าว

สำหรับภาพรวมธุรกิจในปีนี้ดีกว่าปี 52 ตามเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัว โดยปี 52 มีแฟคตอริ่งวอลุ่มอยู่ที่ 13,400 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะโตกว่าปีที่แล้วแน่นอน ซึ่งไตรมาส 1/53 ก็ได้ตามเป้าแล้ว ทั้งปี 53 ก็น่าจะทำได้ตามเป้า

ทั้งนี้ ในปี 2552 บริษัท มีกำไรสุทธิ 71.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2551 ที่มีกำไรสุทธิ 71.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.22% โดยบริษัทมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าในทุกภาคธุรกิจที่มีความจำเป็นต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนหรือเงินลงทุนในทุกภาคธุรกิจ เช่น อุตสาหกรรม พาณิชย์ หรือบริการ เช่น ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหาร เครื่องดื่ม ยา กระดาษและบรรจุภัณฑ์ ชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิคส์ การบริการ เช่น จัดหางาน รักษาความปลอดภัย บันเทิงและนันทนาการ

ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียน 470 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 470 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยมีทุนชำระแล้ว 350 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ