หุ้น TMB ราคาไหลลง 2.88% มาอยู่ที่ 2.02 บาท ลดลง 0.06 บาท มูลค่าซื้อขาย 94.71 ล้านบาท เมื่อเวลา 9.59 น. โดยเปิดตลาดที่ 2.04 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 2.06 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 2.02 บาท
ล่าสุดเมื่อ 10.06 น.หุ้น TMB อยู่ที่ 2.04 บาท ลดลง 0.04 บาท(-1.92%)มูลค่าซื้อขาย 182.71 ล้านบาท
วานนี้ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ระบุว่าตลท.ได้ติดตามและตรวจสอบการซื้อขายหุ้น TMB เพราะช่วงที่ผ่านมาราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้นได้เพิ่มมากขึ้น โดยมีข่าวว่ามีผู้สนใจซื้อหุ้น TMB จากกระทรวงการคลัง
บล.กรุงศรีอยุธยา ระบุในบทวิเคราะห์ฯ แนะ"ขาย"หุ้น TMB ผลการดำเนินงานหลักของธนาคารยังไม่ฟื้นตัวจากสินเชื่อที่หดตัว และ NIM ที่ทรงตัวในระดับต่ำ มองว่าการปรับขึ้นของราคาหุ้น TMB ถึง 45% ในช่วงเวลา 1 เดือน เป็นผลเชิงจิตวิทยามาจากข่าวที่ ING ประกาศจะซื้อหุ้น มากกว่าเรื่องปัจจัยพื้นฐาน
ราคาหุ้นของ TMB ซื้อขายที่ P/BV ปี 53 สูงถึง 1.9 เท่า (P/BV เฉลี่ยของกลุ่มที่ 1.3 เท่า) สวนทางกับ ROE ของ TMB ที่ยังต่ำเพียง 5.7% (ค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ราว 11%) ในมุมมองปัจจัยพื้นฐานถือว่าค่อนข้างแพงหากเทียบกับธนาคารอื่นที่มีผลการดำเนินงานแข็งแกร่งกว่า โดยประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 1.53 บาท อิงจาก Target P/BV เป็น 1.3 เท่า
TMB รายงานกำไรสุทธิ 2Q53 ที่ 886 ล้านบาท (+125%YoY, +25%QoQ) สูงกว่าประมาณการ 53% ที่ 579 ล้านบาท สาเหตุจากการบันทึกรายการพิเศษในการประมาณการหนี้สินทำให้ค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยต่ำกว่าคาด ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ฯ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ 84% เหลือ 502 ล้านบาท ผลบวกจากคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้น อีกทั้งค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง เนื่องจากค่าใช้จ่ายพนักงานและรายการพิเศษจากการกลับรายการขาดทุนจากการประมาณการหนี้สินจำนวน 554 ล้านบาท ทำให้ค่าใช้จ่ายลดลง
ขณะที่ นักวิเคราะห์ บล.เอเชียพลัส กล่าวว่า ราคาหุ้น TMB ยังเป็นหุ้นที่น่าลงทุนและ"ซื้อ/ถือ"ได้ แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา โดยได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาเป็น 2.36 บาท จากเดิม 1.68 บาท เนื่องจากมองว่ากำไรสุทธิในปี 53 จะอยู่ที่ 2,971 ล้านบาท สูงจากที่คาดการณ์ไว้ 2,044 ล้านบาท สิ่งที่สะท้อนชัดเจนแล้วคือกำไรสุทธิในไตรมาส 2/53 มีกำไร 886 ล้านบาท สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 300 กว่าล้านบาท จากการโอนกลับรายการค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สิ้น
ขณะเดียวกันการที่ผู้บริหารออกมาบอกยังคงอัตราการเติบโตของสินเชื่อที่ 10% ในปีนี้ถึงแม้ในช่วงครึ่งแรกจะสามารถทำได้เพียง 1.3% เพราะฉะนั้นแสดงว่าแนวทางของบริษัทจะต้องเน้นหนักในครึ่งปีหลังที่เหลือ โดยเฉพาะจากลูกค้ารายย่อย และ SME ขณะเดียวกันยังมีโอกาสในการจ่ายปันผลจากที่บริษัทได้มีการลดพาร์เพื่อล้างขาดทุนสะสม จึงทำให้ยังลงทุนได้
ส่วนข่าวที่ออกมาว่า ตลท.ตรวจสอบราคาหุ้น TMB อาจส่งผลให้หุ้นแกว่งตัวบ้าง แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่ากระทรวงการคลังจะขายหุ้นออกมาในราคาสูงกว่าราคาในกระดาน เพราะต้นทุนสูง โดยให้ราคาเป้าหมาย 2.36 บาท