หุ้น TMB ราคาวิ่งขึ้น 3.09% มาอยู่ที่ 2.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,248.41 ล้านบาท เมื่อเวลา 15.29 น. โดยเปิดตลาดที่ 1.95 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 2.04 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 1.94 บาท
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า แม้ว่าปัจจัยพื้นฐานของ TMB ดีขึ้นจากในช่วง 5 ปีก่อนอย่างมาก แต่ก็ยังคงห่างไกลจากธนาคารอื่นในเกือบทุกแง่มุมอย่างมาก โดยสิ่งที่มีการพัฒนาที่ดีขึ้นมาก คือ การมีงบดุลที่แข็งแกร่ง และคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น หลังจากเร่งขาย NPL การปรับโครงสร้างหนี้ และการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิ์ใหม่ของธนาคาร NPL ratio ของธนาคารปรับลดลงจากระดับสิบกลาง ๆ ในช่วง 3 ปีก่อน มาอยู่ที่ 11% ในปัจจุบัน
ขณะที่ฐานของเงินกองทุน แข็งแกร่งขึ้นมาก โดยมีเงินกองทุนขั้นที่ 1 ที่ 12.6% และ 18.4% ของ CAR รวม แต่สิ่งที่ยังคงไม่ดีขึ้นมาก คือ ความสามารถในการสร้างรายได้ของธนาคาร ซึ่งเห็นได้จากสินเชื่อที่เติบโตต่ำสุด และมีรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตไม่มากนัก และไม่คาดว่าจะสามารถเติบโตอย่างมีนัยสำคัญได้ในอนาคตอันใกล้นี้
อย่างไรก็ดี ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปีนี้ขึ้นราว 29% เพื่อสะท้อนการตั้งสำรองนอกงบดุลที่ต่ำกว่าคาด และเมื่อรวมกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้นแล้ว จึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรของ TMB ขึ้นโดยเฉลี่ยราว 37% ต่อปีสำหรับปี 2011-12 ถึงแม้ว่าจะปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้น แต่ยังคงมองว่า TMB ซื้อขายที่ระดับ P/BV ที่แพงที่ 1.6 เท่า และ PE ที่ 22.1 เท่า เทียบกับ ROE ที่ 7.3% และกำไรที่เติบโต 13.2% ในปี 2011
และแม้ว่าจะปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นราว 20% มาอยู่ที่ 1.2 บาท/หุ้น จากการปรับเพิ่มประมาณการกำไร และการปรับมาใช้ประมาณการกำไรปี 2011 แต่ราคาเป้าหมายใหม่นี้ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าราคาหุ้นปัจจุบัน 38% และให้ dividend yield ที่ต่ำเพียง 1.4% จึงแนะ"ขาย"
นอกจากนี้ เชื่อว่าตลาดกำลังเพิกเฉยต่อปัจจัยพื้นฐาน และหันไปให้ความสนใจกับการลงทุนใน TMB ผ่านทางการทำ M&A มากขึ้น และแม้ว่าจะมีความชัดเจนว่ากระทรวงการคลัง ซึ่งถือหุ้น TMB อยู่ที่ 26% ต้องการขายหุ้นออกไป แต่ระดับราคาขายที่ตั้งเป้าไว้ที่ 3 บาท/หุ้น มองว่ามีความเป็นไปได้อย่างจำกัดที่ดีลนี้จะสามารถจบลงได้ในเร็ว ๆ นี้เนื่องจากระดับดังกล่าวคิดเป็น P/BV ที่สูงที่ 2.4 เท่า ซึ่งแพงที่สุดสำหรับการซื้อหุ้นธนาคารพาณิชย์ไทย เทียบกับการที่ TMB ให้ ROE ที่ต่ำที่สุดที่ 7.3%