ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดร่วงลงเกือบ 2% ในวันนี้ (20 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังกับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่การแข็งค่าของเงินเยนได้กระตุ้นให้มีแรงเทขายเข้ามาในหุ้นทุกกลุ่ม นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูความเป็นไปได้ที่ว่าทางการญี่ปุ่นจะเข้าแทรกแซงตลาดเพื่อสกัดการแข็งค่าของเงินเยน
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดร่วงลง 183.30 จุด หรือ 1.96% แตะที่ 9,179.38 จุด
ราคาหุ้นดิ่งลงทั้งกระดาน โดยหุ้นกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำมันและถ่านหิน ดิ่งลงหนักสุด ตามด้วยหุ้นบริษัทผลิตโลหะนอกกลุ่มเหล็ก และกลุ่มหลักทรัพย์
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดซบเซาลงเนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอเกินคาดของสหรัฐทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเมื่อวานนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว พุ่งขึ้น 12,000 ราย สู่ระดับ 500,000 ราย ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2552 ที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานพุ่งแตะระดับ 500,000 คน
ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย ระบุว่าดัชนีกิจกรรมด้านการผลิตในเขตมิด-แอตแลนติกหดตัวลงสู่ระดับ -7.7 จุดในเดือนส.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะดีดตัวขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการแข็งค่าของเงินเยนจะฉุดผลประกอบการในตลาดต่างประเทศของบริษัทญี่ปุ่นหดตัวลงด้วย
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้แรงหนุนในระหว่างวัน จากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) อาจใช้มาตรการผ่อนปรนด้านการเงินในการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีนาโอโตะ คัง และนายมาซาอากิ ชิรากาว่า ผู้ว่าการบีโอเจที่คาดว่าจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า ขณะที่หนังสือพิมพ์ซันเคอิ ชิมบุนรายงานว่า บีโอเจอาจจะขยายโครงการเงินกู้เป็น 30 ล้านล้านเยน จากเดิม 20 ล้านล้านเยน และอาจขยายเวลาการชำระคืนเงินกู้ออกไปเป็น 6 เดือน จากเดิม 3 เดือน ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ 0.1%
ทสึโยชิ เซกาว่า นักวิเคราะห์จากมิซูโฮ ซิเคียวริตีส์ กล่าวว่า "สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐได้สร้างความวิตกกังวลให้กับตลาดหุ้นโตเกียวเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูความเป็นไปได้ที่ว่านายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นและผู้ว่าการบีโอเจจะประชุมร่วมกันเพื่อหาทางสกัดการแข็งค่าของเงินเยน"