SSI ตั้งเป้า H2/53ปริมาณขายกว่า 1.4ล้านตัน ,เล็งแจงพาณิชย์ขยับราคาขึ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 26, 2010 16:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนาวา จันทนสุรคล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สหวิริยาสดีล อินดัสตรี(SSI)ตั้งเป้าปริมาณขายในครึ่งปีหลังมากกว่า 1.4 ล้านตัน หลังจากครึ่งปีแรกปริมาณขายอยู่ที่ 1.2 ล้านตัน เพื่อให้ไปสู่เป้าหมายทั้งปี 2.7 ล้านตัน

สำหรับปัจจัยที่จะผลักดันยอดขายครึ่งปีหลังให้เติบโตจากครึ่งปีแรก คือ ตลาดรถยนต์ที่ขยายตัวได้มาก ซึ่งจำเป็นต้องใช้เหล็กเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต , การใช้จ่ายงบประมาณปี 54 และงบไทยเข้มแข็งของภาครัฐ ที่จะเริ่มใช้จ่ายในช่วงไตรมาส 4/53 และ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าเส้ยทางต่าง ๆ โดยเฉพาะสายสีม่วง นอกจากนั้น ยังมองว่าตลาดเหล็กพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วตั้งแต่ปี 52

ในแง่ของรายได้จากการขายในปีนี้บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 5 หมื่นล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ราว 3 หมื่นล้านบาท โดยครึ่งแรกของปีนี้ทำรายได้แล้วกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท ครึ่งปีหลังพยายามที่จะให้ได้ตามเป้าหมาย แต่ก็ยังต้องเผชิญกับปัญหาราคาขายในประเทศที่ยังไม่สามารถปรับขึ้นไปได้ แม้ว่าต้นทุนปรับขึ้นไปแล้ว เนื่องจากทางการขอความร่วมมือให้ตรึงราคาไว้ ซึ่งในเร็ว ๆ นี้บริษัทจะเข้าไปชี้แจงเหตุผลกับทางการเพื่อขอปรับราคาขายช่วงครึ่งปีหลังนี้ และเชื่อว่าในที่สุดราคาก็จะต้องเป็นไปตามกลไกตลาด

"ราคาเหล็กในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น แต่ในบ้านเรายังไม่ชัดเจน มองว่าครึ่งปีหลังตลาดเหล็กคงต้องเผชิญกับราคาขายในประเทศ กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดเพดานราคาเหล็กแนะนำไว้ที่ 24.5 บาท/กิโลกรัม แต่ของเรายังไม่ถึง กระทรวงพาณิชย์ก็ขอความร่วมมือไม่ให้ขยับราคาขาย แต่ตอนนี้ต้นทุนมันสูงขึ้น ก็คงต้องเข้าไปชี้แจงเหตุผลกับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้เห็นว่าต้นทุนสูงขึ้นแล้ว"นายนาวา กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่ได้สรุปตัวเลขว่าต้นทุนปรับสูงขึ้นเท่าไหร่ เพราะบริษัทจัดซื้อวัตถุดิบจากหลายแหล่ง

นายนาวา ยังกล่าวอีกว่า ส่วนในแง่กำไรของบริษัททั้งปี 53 น่าจะเติบโตจากปีก่อนอย่างมาก เพราะครึ่งปีแรกมีกำไรแล้วกว่า 2 พันล้านบาทแล้ว จากปีที่แล้วทั้งปีมีกำไรแค่ 1.2 พันกว่าล้านบาท เนื่องจากบริษัทมุ่งมั่นที่จะทำยอดขายให้ได้ตามเป้าหมาย และมั่นใจว่าตลาดเหล็กฟื้นตัวแล้ว ประกอบกับ บริษัทมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตอบสนองลูกค้า และมีนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามา ทำให้บริษัทครองอันดับ 1 ในตลาดเหล็กรีดร้อน โดยมีส่วนแบ่งตลาดเกิน 30%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ