หุ้น CPF ราคาวิ่งขึ้น 2.59% มาอยู่ที่ 23.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท มูลค่าซื้อขาย 318.65 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.08 น. โดยเปิดตลาดที่ 23.30 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 23.90 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 23.30 บาท
ล่าสุดเมื่อ 10.14 น.หุ้น CPF อยู่ที่ 23.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท(+2.16%)มูลค่าซื้อขาย 386.28 ล้านบาท
เช้านี้ รายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์ระบุว่า บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร(CPF)ยันเงินบาทแข็งไม่กระทบ ผู้บริหารการันตีกำไรโต 20% ยอดขายได้ตามเป้า 1.8 แสนล้านบาท
ขณะที่บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ธนชาต แนะ"ซื้อ"หุ้น CPFได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจของบริษัทฯ ไปยังจุดที่ไม่เป็น cyclical food company อย่างมากอีกต่อไป สรุปการพัฒนาที่สำคัญภายใต้เปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจใหม่ ฐานกำไรจะสูงขึ้นภายใต้โครงสร้างธุรกิจใหม่นี้ CPF มีความสามารถในการทำกำไรที่สูงขึ้น โดยคาดว่าบริษัทฯ จะมีอัตราการเติบโตของกำไรที่ยั่งยืนมากขึ้นที่ระดับ 13% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า การมีเรื่องราวการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมี market cap ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 8 ของ SET น่าจะช่วยผลักดันให้ราคาหุ้น CPF ปรับตัวขึ้น แตะระดับราคาเป้าหมายใหม่ที่ 30 บาท/หุ้น ได้
ทั้งนี้ ได้ปรับประมาณการกำไรสำหรับปีนี้ เพื่อสะท้อนยอดขายที่ต่ำกว่าคาด แต่อัตรากำไรที่สูงกว่าคาด ขณะที่ปรับเพิ่มประมาณกำไรปี 2011-13F โดยเฉลี่ยขึ้นราว 4% เพื่อสะท้อนยอดขายที่สูงขึ้น 2.5% ผลักดันโดยปริมาณขายที่สูงขึ้น และมีสัดส่วนกำไรจากตลาดต่างประเทศดีขึ้น นอกจากนี้ได้ปรับอัตรากำไรขั้นต้นขึ้นโดยเฉลี่ย 0.4%
ปัจจัยขับเคลื่อนธุรกิจในรอบการเติบโตใหม่ คือ ธุรกิจของ CPF มีความสัมพันธ์อย่างมากกับภาคการบริโภค ซึ่งกำลัง เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เราคาดว่ายอดขายในประเทศของ CPF จะเติบโตราว 8% ต่อปี, เนื่องจากความต้องการที่เติบโต และ supply chain มีลักษณะที่ consolidation มากขึ้น ราคาเนื้อสัตว์จึงน่าจะยืนอยู่ในระดับสูงและมีความผันผวนน้อยลง และเราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเหนือ 18%, มียอดส่งออกกุ้งสูงขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีสัดส่วนกำไรจากธุรกิจต่างประเทศสูงขึ้น และมีอัตรากำไรที่ดีขึ้น เนื่องจากการฟื้นตัวของการ ดำเนินงานในรัสเซีย, ส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมค้าสูงขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่มาจาก CPALL เท่านั้น แต่ยังมาจากความสามารถในการทำกำไรของ CP Vietnam ที่สูงขึ้นอีกด้วย และภาระดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง เนื่องจาก CPF ใช้กระแสเงินสดส่วนเกินในการชำระหนี้คืน