IVL บวก 3.73% โบรกฯคาด Q3 กำไร FX หลังบาทแข็ง,สรุปซื้อกิจการเพิ่มปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 9, 2010 15:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น IVL ราคาวิ่งขึ้น 3.73% มาอยู่ที่ 25 บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท มูลค่าซื้อขาย 679.70 ล้านบาท เมื่อเวลา 15.43 น. โดยเปิดตลาดที่ 24.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 25.25 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 24.50 บาท

บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส(IVL)ให้ราคาเป้าหมาย 29 บาท โดยประเมินจะมีความผันผวนของกำไรรายไตรมาสน้อยกว่าโรงกลั่นและปิโตรต้นน้ำฯตัวอื่น กำไรในช่วง 2H53 จะยืนได้ระดับ 1,600-1,800 ล้านบาทต่อไตรมาส ซึ่งเป็นเกณฑ์กำไรที่ดี ในขณะที่เริ่มตั้งฐานกำไรที่ดีได้นั้น IVL ยังคงมีการเจรจาควบรวมอีกหลายกิจการที่อยู่ระหว่างการพิจารณาในสหรัฐและยุโรป ยิ่งเกิดภาวะวิกฤติการเงินในประเทศเหล่านั้นยิ่งเพิ่มโอกาสให้ IVL เข้าครอบงำกิจการ นอกจากนี้การที่ค่าเงินบาทแข็งยิ่งเพิ่มความได้เปรียบแก่ IVL ในฐานะผู้จะเข้าซื้อกิจการอีกด้วย

ในขณะนี้ IVL มีกำลังเจรจาเข้าซื้อธุรกิจในประเทศสหรัฐอเมริกาและทวีปยุโรปเพิ่มเติมนอกเหนือจากการเข้าซื้อโรงงานในประเทศจีน ซึ่งเป็นไปตามแผนของ IVL ที่จะเข้าซื้อธุรกิจในสาย Polyester Chain ที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญอย่างต่อเนื่องโดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนปีละประมาณ 500 ล้านเหรียญฯ และตั้งเป้าขึ้นเป็นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรม PET Polymer (ปัจจุบันอยู่อันดับ 2,3) ทั้งที่ไม่ต้องเป็นเจ้าของ Feedstock จึงเชื่อว่าหาก IVL ดำเนินได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ จะทำให้กำไรของ IVL เพิ่มขึ้นปีละ 2,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ คาดว่ากำไรไตรมาส 3/53 ที่ 1,762 ล้านบาท: ลดลง 16% QoQ โดยคาดว่ากำไรจากการดำเนินงานเติบโตขึ้นจากปริมาณขายที่เพิ่มสูงขึ้นหลังจากที่โรง Alphapet เริ่มผลิตและความต้องการใช้ที่แข็งแกร่ง มั่นใจว่า IVL สามารถรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิที่ 6-7% ไว้ได้แม้ว่าจะมีกำลังการผลิตเพิ่มจากความสามารถในการควบคุมต้นทุนให้อยู่ในระดับต่ำและมีอำนาจในการต่อรองสูง แต่ไตรมาสนี้คาดว่า IVL ไม่มีกำไรพิเศษจากการต่อรองราคาเข้ามาช่วย ทำให้กำไรสุทธิน่าจะปรับตัวลดลงเล็กน้อย

แต่อัตราแลกเปลี่ยนจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตามองโดยเบื้องต้นคาดว่าไตรมาส 3/53 IVL จะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 200 ล้านบาทจากค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นจากต้นงวด

อนึ่ง มีรายงานข่าวเช้านี้ว่า IVL คาดว่าการเจรจาซื้อกิจการในจีนและยุโรปจะได้ข้อสรุปในปี 53 อย่างน้อย 1 โครงการ ขณะที่ดีลในสหรัฐคือ Eastman Chemical โรงงาน PET กำลังการผลิต 800 KTA และ PTA กำลังการผลิต 650 KTA คาดว่าจะเจรจาเสร็จสิ้นได้ในไตรมาส 1/54


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ