ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.) ทำสถิติปิดบวกติดต่อกันวันที่ 2 ขานรับจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์และยอดขาดดุลการค้าที่ร่วงลงในสหรัฐ รวมทั้งข่าวการตรึงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษ โดยหุ้นลอยด์ส แบงกิ้ง กรุ๊ป ดีดตัวขึ้นหลังจากนักวิเคราะห์ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนในหุ้นดังกล่าว
ดัชนี FTSE 100 พุ่งขึ้น 64.42 จุด หรือ 1.19% ปิดที่ 5,494.16 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,412.48 - 5,505.66 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 4 ก.ย. ร่วงลง 27,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 451,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน และยอดขาดดุลการค้าเดือนก.ค.ของสหรัฐ ลดลง 14% มาอยู่ที่ระดับ 4.28 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากยอดนำเข้าสินค้าร่วงลง ในขณะที่ยอดส่งออกพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2551 ซึ่งทำให้นักวิเคราห์เชื่อว่าการลดลงของยอดขาดดุลการค้าอาจหนุนเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวได้ดีในไตรมาส 3 ปีนี้ ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุด 0.5% เป็นเดือนที่ 18 ติดต่อกัน ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายวันนี้ ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ แม้จะเริ่มมีเสียงเรียกร้องให้ธนาคารขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ ธนาคารกลางอังกฤษยังได้ตัดสินใจที่จะไม่อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มเติมภายใต้โครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของตลาดเช่นกัน อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์หลายรายเชื่อว่า แบงก์ชาติอังกฤษจะเริ่มกลับมาซื้อสินทรัพย์อีกครั้งในไม่ช้านี้ เพื่อเสริมสภาพคล่องในระบบธนาคารและกระตุ้นเศรษฐกิจ
หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่ากฎการดำรงเงินกองทุนใหม่ Basel III จะไม่เข้มงวดมากเท่ากับที่ตลาดกังวล โดยคาดที่ประชุมเจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับดูแลด้านการธนาคารระหว่างประเทศว่าเปิดเผยรายละเอียดของกฎใหม่ในช่วงสุดสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ หุ้นลอยด์ส แบงกิ้ง กรุ๊ป ปิดพุ่ง 3.3% หลังจากนักวิเคราะห์ของบาร์เคลย์ส แคปิตอล ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว หุ้นธนาคารบาร์เคลย์สปิดพุ่ง 5% หุ้นธนาคารรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ปิดบวก 5.1%