โบรกฯ มองโค้งสุดท้ายหุ้นไทย 970 จุดเงินตปท.รอเข้า 1.8 หมื่นลบ.รอปัจจัยเสี่ยงชัด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 15, 2010 16:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาววิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บล.เกียรตินาคิน กล่าวในการสัมมนา"หุ้นไทยโค้งสุดท้ายปี 53"ว่า บล.เกียรตินาคิน ปรับเป้าดัชนี SET ปี 53 มาที่ 970 จุด จากเดิม 950 จุด ภายใต้คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 53 ขยายตัว 6.7-7.3% ส่วนกรอบล่างให้ไว้ที่ 830 จุด โดยคาดว่าจากนี้ไปเงินทุนจากต่างประเทศยังรอไหลเข้าตลาดหุ้นอีก 1.8 หมื่นล้านบาท ลุ้นความชัดเจน 2 ปัจจัยเสี่ยงสำคัญคือ การเมืองและ 3G

ขณะที่ประเด็นที่กังวลว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะมีมาตรการควบคุมเงินทุนไหลเข้าหรือไม่นั้น มองว่าใน 2 สัปดาห์นี้คงยังไม่มีอะไรออกมาจนกว่าผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่จะเข้ามารับหน้าที่ในต้นเดือน ต.ค.

นางสาววิริยา กล่าวว่า จากนี้ไปยังมีโอกาสที่ราคาหุ้นกลุ่มใหญ่น่าจะปรับขึ้นอีก โดยเฉพาะหุ้นพลังงาน หลังจากปลดล็อตมาบตาพุด ทำให้โครงการลงทุนต่าง ๆ เดินหน้าต่อไปได้ และผลประกอบการน่าจะฟื้นตัวขึ้นในช่วงปลายปี ขณะที่กลุ่มแบงก์ ที่ราคาเพิ่งจะปรับขึ้นมาในระดับเดียวกับตลาด จึงน่าไปต่อได้ รวมถึงกลุ่มสื่อสาร แต่ยังต้องรอดูการประมูลใบอนุญาต 3G

ขณะที่เงินลงทุนจากต่างชาติ คาดว่าในช่วง 12 เดือนข้างหน้านักลงทุนต่างประเทศยังจะเข้าซื้ออีก 1.8 หมื่นล้านบาท จากปัจจัยเงินบาทยังแข็งค่า หลังจากที่ช่วงเดือน พ.ค.ขายไปถึง 5.8 หมื่นล้านบาท และพอมาถึง มิ.ย.-ส.ค.53 จนถึงช่วงครึ่งแรกของเดือน ก.ย.53ซื้อกลับมาแล้ว 3.8 หมื่นล้านบาท ถือเป็น 65% ของที่ขายไป

ประเด็นที่ต่างชาติจะพิจารณาในการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากน้อยแค่ไหน คือ ความเสี่ยงด้านการเมือง ซึ่งขณะนี้เหตุการณ์ 19 ก.ย.ยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นอย่างไร รวมถึงมาตรการคุมเงินทุนไหลเข้าจะมีออกมาหรือไม่ ดังนั้นช่วงนี้ก็อาจจะชะลอการซื้อไปก่อน แม้ว่ายังซื้ออยู่แต่ก็คงไม่มากเหมือนที่ผ่านมา

นางสาววิริยา มองว่า ช่วง 2 สัปดาห์จากนี้จนถึงสิ้นเดือน ก.ย.53 ตลาดหุ้นไทยจะยังเหวี่ยงตัว เพราะมีประเด็นเรื่องที่ตลาดจับตาอยู่คือ ธปท.จะออกมาตรการคุมเงินทุนไหลเข้าหรือไม่ ซึ่งโดยส่วนตัวเชื่อว่าคงยังไม่มีมาตรการอะไรออกมาจนกว่าผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่จะเข้ามารับหน้าที่ แต่สิ่งที่ ธปท.น่าจะทำเป็นอย่างแรกคือการไม่ขึ้นดอกเบี้ยในช่วงการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ที่จะมีขึ้นอีก 2 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้

ตลาดหุ้นช่วง 3-6 เดือนข้างหน้าขึ้นกับสภาพคล่องเป็นหลัก แต่เชื่อว่ายังจะมีเงินไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง สภาพคล่องจากต่างประเทศจะได้รับปัจจัยหนุนจากค่าเงินบาทที่ยังมีแนวโน้มแข็งค่า รวมทั้งจะมีการโยกเงินจากตราสารหนี้เข้ามาตลาดหุ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะเงินที่จะกลับมาจากกองทุนที่ออกไปลงทุนในพันธบัตรเกาหลีที่จะครบอายุอีก 1.35 หมื่นล้านบาท และกองทุน LTF-RMF ที่คาดว่าจะนำเงินเข้ามาลงทุนเพิ่มในช่วงปลายปี

และเดือนหน้าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะมีการประกาศรับซื้อพันธบัตร 1 แสนล้านเหรียญ ซึ่งประเด็นเหล่านี้ทำให้ตลาดหุ้นช่วงที่เหลือของปีน่าจะไปถึง 970 จุดได้

นางสาววิริยา กล่าวว่า บล.เกียรตินาคิน แนะนำซื้อหุ้นที่ยังมีโอกาสราคาปรับขึ้นได้อีก ได้แก่ หุ้นพลังงานที่รับประโยชน์จากปัญหามาบตาพุดคลี่คลาย โดยเฉพาะโรงแยกก๊าซแห่งที่ 6 เดินเครื่องได้ และค่าการกลั่นฟื้นตัวขึ้นตอ่เนื่อง รวมถึงแนวโน้มราคาถ่านหินที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง 3 สัปดาห์ติดต่อกัน ทั้ง PTT, PTTCH, TOP, PTTAR และ BANPU

กลุ่มแบงก์ ที่น่าสนใจ คือแบงก์ใหญ่ทั้ง KBANK, SCB, BBL ที่ฟื้นตัวจากการขยายตัวของสินเชื่อใน 7 เดือนชัดเจน กลุ่มวัสดุก่อสร้าง เป็นกลุ่มปูนซิเมนต์ คือ SCC ขณะที่กลุ่มเหล็กอย่าง SSI, TSTH จะได้ประโยชน์จากต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบในรูปดอลลาร์ลดลง กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ลุ้นว่าแบงก์ชาติจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 2 ครั้งเพื่อลดความร้อนแรงของกระแสเงินทุนไหลเข้า ซึ่งจะป็นปัจจัยบวกกับอสังหาฯ หุ้นเด่น คือ AP, QH, LH, PS ส่วนกลุ่มขนสว่ง THAI, RCL กลุ่มสื่อสาร ADVANC


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ