ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) จากแรงขายที่ส่งเข้าฉุดหุ้นกลุ่มธนาคาร นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายยังเป็นไปอย่างผันผวนเนื่องจากนักลงทุนมีท่าทีวิตกกังวลก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และความกังวลที่เป็นผลมาจากยอดขาดดุลงบประมาณที่พุ่งขึ้นของรัฐบาลอังกฤษ
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 26.35 จุด หรือ 0.47% ปิดที่ 5,576.19 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,576.19-5,635.72 จุด
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนมีท่าทีวิตกกังวลเกี่ยวกับผลการประชุมเฟด โดยหุ้นธนาคารรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ปิดลบ 0.7% หุ้นธนาคาร HSBC ปิดร่วง 1% และหุ้นธนาคารลอยด์ส แบงกิง กรุ๊ป ปิดลบ 1.3%
ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเผว่าย ยอดขาดดุลงบประมาณเดือนส.ค.ของรัฐบาลอังกฤษพุ่งขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2536 โดยข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า การกู้ยืมสุทธิของรัฐบาลอังกฤษอยู่ที่ 1.53 หมื่นล้านปอนด์ (2.37 หมื่นล้านดอลลาร์) ในเดือนส.ค.2553 เทียบกับระดับ 1.35 หมื่นล้านปอนด์ในปีที่แล้ว
รัฐมนตรีคลังอังกฤษเตรียมลดงบประมาณของหน่วยงานต่างๆของรัฐบาลลง เพื่อลดยอดขาดดุลที่ดีดตัวแตะระดับถึง 1.556 แสนล้านปอนด์ในปีงบประมาณที่แล้ว หรือคิดเป็นสัดส่วน 11% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ
เฟดได้ออกแถลงการณ์ภายหลังจากตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการว่า คณะกรรมการเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ไว้ที่ระดับ 0-0.25% ในการประชุมวานนี้ (21 ก.ย.) พร้อมกับกล่าวว่า เฟดพร้อมที่จะใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งหากพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็น และย้ำว่าเฟดจะยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปอีกระยะหนึ่ง
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงตามราคาโลหะในตลาดโลก โดยหุ้นเอ็กสตราต้าปิดร่วง 2% หุ้นยูเรเซียน เนเชอรัล รีซอสเซส ปิดลบ 2.7% ส่วนหุ้นเคร์น เอ็นเนอร์จีในกลุ่มพลังงาน ปิดบวก 2.3% หลังจากมีรายงานว่าทางบริษัทสำรวจพบแหล่งสำรองน้ำมันและก๊าซในกรีนแลนด์