นายไกรฤทธิ์ นิลคูหา อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน เป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาซื้อขายก๊าซชีวภาพอัด ที่ได้จากมูลสัตว์และน้ำเสียจากฟาร์มสุกร ที่ผ่านการปรับปรุงคุณภาพและเพิ่มความดัน เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิง NGV สำหรับรถยนต์ ระหว่าง บมจ.ปตท.(PTT) และ บมจ. ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์(UAC)
นายวิชัย พรกีรติวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTT กล่าวว่า ปตท. และ UAC จะร่วมมือกันพัฒนาผลิตก๊าซชีวภาพอัด หรือ Compressed Bio-methane Gas (CBG) โดยจะผลิตและปรับปรุงคุณภาพก๊าซชีวภาพจากมูลสัตว์และน้ำเสียจากฟาร์มสุกรของบริษัท มงคล แอนด์ ซันส์ฟาร์ม จำกัด จังหวัดเชียงใหม่ให้เป็นก๊าซชีวภาพอัดที่มีคุณสมบัติเหมาะสมต่อการนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ ตามมาตรฐานและข้อกำหนดของกรมธุรกิจพลังงาน จากนั้น ปตท.จะรับซื้อก๊าซชีวภาพอัด เพื่อนำไปจำหน่ายเป็นก๊าซ NGV สำหรับรถยนต์ในจังหวัดเชียงใหม่
ทั้งนี้ คาดว่า ปตท.จะเริ่มจำหน่ายก๊าซ NGV จากก๊าซชีวภาพอัดเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงต้นปี 2555 ด้วยความสามารถจ่ายก๊าซฯ ประมาณ 6 ตันต่อวัน เทียบเท่ากับเติมรถขนาดเล็กได้ 500 คันต่อวัน เติมรถขนส่งขนาดใหญ่ได้ 40 คันต่อวัน ซึ่งสามารถทดแทนการนำเข้าน้ำมันดีเซลได้ประมาณปีละ 2.2 ล้านลิตร หรือ ก๊าซหุงต้ม (LPG) ประมาณปีละ 1.6 ล้านตัน ช่วยประหยัดเงินตราต่างประเทศได้กว่า 21 ล้านบาทต่อปี
“ความร่วมมือครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการส่งเสริมการใช้ NGV เป็นพลังงานทดแทนในรถยนต์ ซึ่งจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากภาวะราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงให้กับประชาชนแล้ว ที่สำคัญ ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ NGV ในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่นอกแนวท่อส่งก๊าซฯ ที่มีปริมาณการใช้ก๊าซ NGV เติบโตมากและเกิดปัญหาก๊าซขาดในบางช่วงเวลา ทั้งนี้ ปตท.ไม่นิ่งนอนใจในการบรรเทาปัญหาดังกล่าว โดยได้พยายามบริหารจัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบการจ่ายและการขนส่งก๊าซฯ ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคะวันออกเฉียงเหนือให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการให้บริการรถ NGV ทั้งรถยนต์ขนาดเล็ก และรถยนต์ขนาดใหญ่ได้อย่างเพียงพอมากขึ้น" นายวิชัย กล่าวเพิ่มเติม
นายกิตติ ชีวะเกตุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ UAC กล่าวว่า บริษัทฯได้ทำการเซ็นสัญญาซื้อขายก๊าซชีวภาพอัด หรือ Compressed Bio-methane Gas(CBG)กับ ปตท.เป็นระยะเวลา 15 ปี โดยเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตก๊าซ CBG ได้ในช่วงปลายเดือนเมษายน 2554 และจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มทดลองการผลิตได้ภายในปลายปี 2554
สำหรับงบลงทุนในการก่อสร้างโรงงานผลิตก๊าซดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านบาท โดยจะมีกำลังการผลิตที่ 6 -8 ตัน/วัน หรือ ประมาณ 3,000 ตัน/ปี และจะสามารถผลิตเชิงพาณิชย์ พร้อมทั้งรับรู้รายได้จากการขายก๊าซ ตั้งแต่ต้น ปี 2555 เป็นต้นไป เฉลี่ยปีละประมาณ 50-60 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้รายได้ของบริษัทฯในปี 2555 มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ก๊าซ CBG ที่ผลิตมาจากโครงการดังกล่าว สามารถนำมาใช้ในรถยนต์ทดแทนน้ำมันที่ปัจจุบันมีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องได้โดยมีคุณภาพและประสิทธิภาพไม่แตกต่างกับก๊าซ NGV ที่ ปตท. จำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้ประชาชนหันมาใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น โดยบริษัทจะผลิตและส่งให้ ปตท.เป็นผู้จำหน่าย ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้จากโครงการนี้ 50-60 ล้านบาทในปี 2555"นายกิตติ กล่าว
นายกิตติ กล่าวอีกว่า การตั้งโรงงงานผลิตก๊าซ CBG ที่ภาคเหนือ ซึ่งถือว่าเป็นแห่งแรก นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี ก่อนที่จะขยายโครงการในเฟสต่อ ไปยังภาคอื่นๆ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการร่วมศึกษาและพัฒนากับพันธมิตร และคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้