โบรกฯแนะ"ซื้อ"TUF มอง H2/55และปี 56 ผลงานฟื้นตามยอดขาย,ต้นทุนการเงินลด

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 3, 2012 11:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เห็นสอดคล้องกันแนะ"ซื้อ"บมจ.ไทยยูเนียน โฟรเซ่น โปรดักส์(TUF)มองผลประกอบการครึ่งปีหลังฟื้นตัวจากเป็นช่วงฤดูกาลขาย ขณะที่ต้นทุนทางการเงินลดลงหลังการเพิ่มทุนของบริษัทเพื่อนำชำระคืนหนี้ก่อนกำหนด อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่น่ากังวลจากการแข่งขันในตลาดสหรัฐที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงชะลอตัว และ TUF ยังเป็นผู้ตามในตลาด ในขณะที่ตลาดยุโรปยอดขายเติบโตได้ดีหลังเข้าเทคฯ MWB

          โบรกเกอร์        คำแนะนำ          ราคาเป้าหมาย(บาท)
          บล.เกียรตินาคิน     ซื้อ                   85.00
          บล.ฟิลลิป          ทยอยซื้อ               76.25
          บล.เอเซียพลัส      ซื้อ                   80.00
          บล.ดีบีเอสฯาคิน     ซื้อ                   91.00
          บล.ทรีนิตี้          ซื้อ                   88.00
          บล.ไอร่า          ซื้อ                   87.00
          บล.บัวหลวง        ซื้อ                   85.00

นายอดิสรณ์ มุ่งพาลชล นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน ยังแนะ"ซื้อ"TUF โดยมองผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งเป็นช่วงปกติที่จะทำยอดขายได้ดี แม้ในไตรมาส 2/55 บริษัทจะมีกำไรสุทธิลดลง เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายทางการเงินจากการชำระคืนหนี้ก่อนกำหนด ซึ่งจะกดดดันกำไรสุทธิปีนี้เติบโตได้ราว 7% หรือคาดว่าอยู่ที่ 5,415 ล้านบาท ส่วนปีหน้า คาดว่ามีกำไรสุทธิราว 6,700 ล้านบาท หรือเติบโต 25%

ทั้งนี้ ภาพรวมยอดขายของบริษัทยังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง โดยทั้งปีนี้เชื่อว่ามียอดขายจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ที่ 15% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้ คาดว่าจะทรงตัวที่ 17% จากครึ่งปีแรก แม้ต้นทุนสูงขึ้นโดยเฉพาะราคาทูน่าที่เป็นวัตถุดิบหลัก แต่บริษัทสามารถปรับราคาขายตามต้นทุนได้ ประกอบกับ เงินบาทอ่อนค่าน่าจะช่วยในเชิงปริมาณของยอดขายได้

"มองว่าปัญหาในยุโปรไม่ได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายบริษัทเลย เพราะทูน่า ถือเป็นโปรตีนราคาถูก คนก็ยังต้องการบริโภค"นายอดิสรณ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงทางธุรกิจของ TUF น่าจะมาจากตลาดส่งออกในสหรัฐมีการแข่งขันสูง ซึ่ง TUF ยังเป็นผู้ตามในตลาด ขณะที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ยังเน้นกลยุทธด้านราคาในการแข่งขัน ส่วนตลาดยุโรปไม่มีปัญหาเพราะ TUF ถือเป็นผู้นำตลาดอยู่แล้ว

นางสาวนารี อภิเศวตกานต์ นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่า TUF ประกาศกำไรสุทธิไตมาส 2/55 ที่ 1,001 ล้านบาท ลดลง 19% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง 32%จากไตรมาสก่อน จากค่าใช้จ่ายทางการเงิน 621 ล้านบาทจากการชำระคืนหนี้ก่อนกำหนด แต่บริษัทก็ได้รับการคืนภาษี 214 ล้านบาท ส่งผลให้ครึ่งปีแรก TUF กำไรสุทธิ 2,469 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนตามคาด ยอดขายเพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

ประเมินครึ่งปีหลังการดำเนินงานจะฟื้นตัวจากฤดูกาลขายและได้ผลดีจากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง ทำให้ทั้งปีคาดว่าบริษัทจะมีกำไรราว 5,821 ล้านบาท เติบโต 15% โดยอัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวที่ 17% ส่วนยอดขายคาดว่าเติบโต 11% ถือเป็นระดับที่น่าพอใจ แม้ต่ำกว่าที่ TUF ตั้งเป้าเติบโต 15%

"ยอดขายมีโอกาสโตได้ตามเป้าที่ TUF ตั้งเป้าไว้ก็ได้ หากมีการปรับราคาได้ แต่ก็ยังมี factor ที่เป็นทางลบ ซึ่งขณะนี้ภาพรวมในตลาดสหรัฐยังมีการแข่งขันสูง การทำตลาดอาจจะยังเหนื่อยอยู่" นางสาวนารี กล่าว

ส่วนปี 56 คาดว่ากำไรจะเติบโตได้ราว 6% ซึ่งเป็นการคาดการณ์ conservative ภายใต้สถานการ์ที่ไม่มีการลงทุนหรือซื้อกิจการใหม่ๆเพิ่มเติม โดย outlook ยอดขายบริษัทยังเติบโตได้ดีในระดับ 10-15% ส่วนกำไรสุทธิในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากการเข้าซื้อกิจการมากกว่า

ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส มองครึ่งหลังปี 55 จะเติบโตจากครึ่งปีแรก จากปัจจัยหนุน คือ อานิสงค์จากช่วงฤดูกาลส่งออก ส่งผลให้ปริมาณขายในทุกธุรกิจปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ทูน่ากระป๋องที่คาดว่าจะเติบโตโดดเด่น เนื่องจากภาวะการแข่งขันอาหารทะเลแช่แข็งในสหรัฐฯ เริ่มลดลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อยอดขายของ Chicken of the Sea (บ.ย่อยของ TUF) เช่นเดียวกับสภาพภูมิอากาศในยุโรปเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ ทำให้การบริโภคทูน่ามีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น

นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายทางการเงินในช่วงครึ่งปีหลังปรับตัวลดลงจากครึ่งปีแรก ผลจากบริษัทฯ มีการจ่ายคืนหนี้สินก่อนครบกำหนดด้วยเงินเพิ่มทุนจำนวน 9,500 ล้านบาท และความพร้อมของฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งขึ้น ถือเป็นการเพิ่มโอกาสแสวงหาช่องทางการลงทุนใหม่ๆ ในต่างประเทศ ที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งฝ่ายวิจัยคาดว่าใกล้จะได้ข้อสรุปภายใน 6-12 เดือนข้างหน้า

ฝ่ายวิจัยคงเลือก TUF เป็นหุ้น Top pick ของกลุ่มอาหาร แม้ว่าราคาหุ้นปัจจุบันจะมีค่า PER ปี 2555 ที่ระดับสูง 13.9เท่า แต่คาดว่าจะลดลงเหลือเพียง 11.4 เท่าในปี 56 ซึ่งเป็นระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยภูมิภาคในกลุ่มอาหารที่อยู่ระดับ 16 เท่า อีกทั้ง TUF ประกาศจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีแรก ที่ 1.1 บาท/หุ้น คิดเป็น Div yield 1.5%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ