ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมยื่นฎีกาคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวต่อศาลฎีกา หากบริษัทมีความคืบหน้าประการใดจะแจ้งให้ทราบต่อไป
อนึ่ง เมื่อวันที่ 27 ส.ค.53 ศาลแพ่งพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 123,756,306.12 บาท หักด้วยจำนวนที่โจทก์ได้รับชำระหนี้ไปแล้วในคดีล้มละลาย (คดีหมายเลขแดงที่ 397/2544) ของศาลล้มละลายกลางจำนวน 27,614.69 บาท และจำนวน 1,420,020.27 บาท และจำนวน 91,860,200.21 บาท คงเหลือ 33,448,407.95 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 120,513,278.08 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 29 กันยายน 2541) จนถึงวันที่ 27 ธันวาคม 2545
และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 120,485,663.39 บาท นับจากวันที่ 28 ธันวาคม 2545 ถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2546 และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ตอปี ของต้นเงินจำนวน 119,065,643.12 บาท นับจากวันที่ 2 สิงหาคม 2546 ถึงวันที่ 23 กันยายน 2546 และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 27,205,442.91 บาท นับจากวันที่ 24 กันยายน 2546 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้ตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก