SSI เผยศาลฯสั่งให้ฟื้นฟูกิจการคาดใช้เวลา 12 เดือนหวังพ้นเหตุเพิกถอน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 11, 2016 09:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี (SSI) แจ้งว่าเมื่อวานนี้ ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้บริษัทฟื้นฟูกิจการ และตั้งให้บริษัทเป็นผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการ หลังจากที่ได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลฯตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.58 ที่ผ่านมา หลังจากนี้บริษัทจะจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการเพื่อขอความเห็นชอบจากศาลฯซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 12 เดือน นับจากวันที่ศาลมีคำสั่งให้บริษัทฟื้นฟูกิจการ

ทั้งนี้ บริษัทเชื่อมั่นว่าเมื่อดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการแล้ว และได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้แล้ว บริษัทมีความเชื่อมั่นว่าธุรกิจของบริษัทจะสามารถกลับมาสร้างรายได้และมีผลกำไรเพียงพอที่จะนำกลับมาชำระหนี้ และดำเนินการตามกระบวนการฟื้นฟูกิจการครบถ้วนแล้ว จะสามารถแก้ไขเหตุแห่งการถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน กล่าวคือส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทจะกลับมาเป็นบวก รวมถึงมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานตามปกติจากธุรกิจหลัก

SSI ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯถึงแนวทางการแก้ไขเหตุแห่งการเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน หลังจากที่ได้ส่งการเงินประจำปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2558 ปรากฏส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ 36,946 ล้านบาท เป็นผลให้บริษัทเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนตามข้อบังคับตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยตลาดหลักทรัพย์ฯได้ประกาศแจ้งดำเนินการกับบริษัท กรณีเข้าข่ายต้องปรับปรุงฐานะการเงินและการดำเนินงาน (NC ระยะที่ 1) เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2559 รวมถึงสั่งห้ามซื้อขายหุ้นเป็นเวลา 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2559 จนถึงวันที่ 25 มีนาคม 2559

ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ศาลฯได้มีคำสั่งให้บริษัทฟื้นฟูกิจการ และตั้งให้บริษัทเป็นผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการ โดยบริษัทในฐานะผู้ทำแผนอยู่ระหว่างการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ เพื่อขอความเห็นชอบจากศาลฯซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 12 เดือน นับจากวันที่ศาลฯมีคำสั่งให้บริษัทฟื้นฟูกิจการ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับกระบวนการตามกฎหมายฟื้นฟูกิจการ เมื่อศาลฯมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการแล้ว บริษัทจะดำเนินการแจ้งสารสนเทศมายังตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมถึงแจ้งความคืบหน้าในการปรับโครงสร้างทุน และ/หรือ โครงสร้างหนี้ ให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ รวมถึงเพื่อลดภาระดอกเบี้ยของบริษัทต่อไป

อย่างไรก็ตามนับแต่วันที่บริษัทยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลฯ จนถึงปัจจุบันบริษัทยังคงมีรายได้จากการดำเนินธุรกิจการค้าและมีเงินทุนหมุนเวียนที่เพียงพอสำหรับการผลิตและจำหน่ายสินค้า โดยได้รับการสนับสนุนจากลูกค้าและคู่ค้าที่ยังมีความเชื่อมั่นในธุรกิจของบริษัท ซึ่งในช่วงเวลาปัจุบันจนถึงวันที่ศาลฯจะมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน บริษัทมีความเชื่อมั่นว่า คู่ค้า ตลอดจนสถาบันการเงินจะยังมีความมั่นใจต่อความสามารถในการดำเนินงานของบริษัท และจะยังคงให้การสนับสนุนการดำเนินธุรกิจแก่บริษัท รวมทั้งการสนับสนุนวัตถุดิบในกระบวนการผลิตหรือการให้วงเงินสินเชื่อเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต ซึ่งจะส่งผลดีต่อสภาพคล่อง ผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงินของบริษัทเพิ่มขึ้นตามลำดับ

ขณะที่ในอนาคต เมื่อบริษัทเริ่มดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการที่ได้รับความเห็นชอบจากศาลฯ และได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้แล้ว บริษัทมีความเชื่อมั่นว่าธุรกิจของบริษัทจะสามารถกลับมาสร้างรายได้และมีผลกำไรเพียงพอที่จะนำกลับมาชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการที่ได้รับความเห็นชอบจากศาลฯได้

ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการอย่างเคร่งครัด และเมื่อการฟื้นฟูกิจการของบริษัทได้ดำเนินการเป็นผลสำเร็จตามแผนแล้ว บริษัทจะขอออกจากการฟื้นฟูกิจการผ่านศาลต่อไป โดยบริษัทมีความเชื่อมั่นว่า หากดำเนินการตามกระบวนการฟื้นฟูกิจการครบถ้วนแล้ว จะสามารถแก้ไขเหตุแห่งการถูกเพิกถอน กล่าวคือ ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทจะกลับมาเป็นบวก รวมถึงมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานตามปกติจากธุรกิจหลัก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ