(เพิ่มเติม) HOTPOT แจงผถห.ใหญ่ขายหุ้นบิ๊กล็อต 10.22% ให้"อภิชัย เตชะอุบล",ไม่เข้าข่ายเทนเดอร์ฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 19, 2016 09:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ฮอท พอท (HOTPOT) แจ้งว่านางสาวสกุณา บ่ายเจริญ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และดำรงตำแหน่งกรรมการ และรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทได้ขายหุ้นผ่านรายการซื้อขายหุ้นในกระดานใหญ่ (Big Lot) เมื่อวานนี้ (18 ต.ค.) ให้แก่นายอภิชัย เตชะอุบล จำนวน 41,500,000 หุ้น คิดเป็น 10.22% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด

การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทดังกล่าว ไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างการจัดการและการดำเนินธุรกิจของบริษัท นอกจากนั้น การเข้าถือครองหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหม่ครั้งนี้ ไม่เข้าข่ายที่จะต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์แต่อย่างใด

ทั้งนี้ นางสาวสกุณา จะยังคงเหลือถือหุ้นในบริษัทจำนวน 60,522,000 หุ้น คิดเป็น 14.91% จากเดิมที่ถืออยู่ 102,022,000 หุ้น คิดเป็น 25.13%

อนึ่ง วานนี้ มีรายการซื้อขายบิ๊กล็อตของหุ้น HOTPOT จำนวน 41,500,000 หุ้น ที่ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 2.80 บาท ขณะที่ราคาหุ้น HOTPOT ปิดตลาดเมื่อวานนี้อยู่ที่ 3.06 บาท เพิ่มขึ้น 0.14 บาท (+4.79%)

ขณะที่นายสมพล ฤกษ์วิบูลย์ศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร HOTPOT เปิดเผยว่า การเข้ามาถือหุ้นของนายอภิชัย จะทำให้บริษัทมีพันธมิตรใหม่ที่มีความเข้มแข็งเข้ามาร่วมดำเนินธุรกิจ ซึ่งหลังจากนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงในหลาย ๆ ด้าน ทั้งในด้านของการปรับปรุงสาขาให้มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากขึ้น รวมถึงแผนการเข้าไปเปิดธุรกิจในต่างประเทศ โซน AEC และยุโรป เนื่องจากพันธมิตรใหม่ที่เข้ามานั้น มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจร้านอาหาร เพราะมีร้านอาหารอยู่ทั้งในและต่างประเทศอยู่แล้ว

ปัจจุบัน HOTPOT มีแบรนด์ร้านอาหาร 3 แบรนด์ คือ HOTPOT DAIDOMON และ SIGNATURE STEAK LOFT โดยมีร้าน HOTPOT มีจำนวน 114 สาขา DAIDOMON 10 สาขา และ SIGNATURE STEAK LOFT 17 สาขา

ส่วนของพันธมิตรใหม่ มีร้านอาหารอยู่แล้ว 3 แบรนด์ คือ Signor Sassi (ซินญอร์ ซาสซี่) ร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่มีชื่อเสียงในประเทศอังกฤษ ร้านอาหารเจิ้งโต่ว ซึ่งเป็นร้านอาหารจีน และ Burger & Lobster (เบอร์เกอร์ แอนด์ ล็อบสเตอร์) ที่มีแผนจะเปิดในประเทศไทยภายในต้นปีหน้า ที่ศูนย์การค้าเกษรพลาซ่า ซึ่งหลังจากที่ได้มาเป็นพันธมิตรกันแล้วก็จะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สร้างความแข็งแกร่งมากขึ้น โดยจะเริ่มจากการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์สาขาของ HOTPOT ให้มีความเป็นเอกลักษณ์มากขึ้น

“สำหรับตลาดในประเทศ บริษัทจะใช้กลยุทธ์เน้นกลุ่มลูกค้าที่เป็นครอบครัว โดยเน้นการสร้างกิจกรรมการมีส่วนร่วมในการปรุงอาหารในลักษณ์ DIY และจะเน้นคอนเซปต์การเป็นอาหารสด สะอาด เน้นการรับประทานแบบธรรมชาติ หรือที่เรียกว่าอาหารคลีน เพื่อสุขภาพที่ดีของลูกค้า การเน้นคอนเซปต์อาหารคลีนนี้จะทำให้สามารถเจาะตลาดได้ทุกประเทศ จะทำให้รายได้ปีหน้าเติบโตดีขึ้น" นายสมพล กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ