(เพิ่มเติม) TNR เข้าซื้อกิจการ"บ๊อก เอเชียกรุ๊ปฯ"มูลค่าราว 40 ลบ.หวังลดต้นทุนค่าบรรจุภัณฑ์กระดาษ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 2, 2018 10:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอมร ดารารัตน์โรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ (TNR) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2561 เพื่อพิจารณาอนุมัติการเข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัท บ๊อก เอเชีย กรุ๊ป อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (BAGI) ซึ่งเป็นบริษัทจำกัดที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายกล่องกระดาษ

บริษัทจะเข้าซื้อหุ้นสามัญใน BAGI ทั้งหมดจำนวน 1,691,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 100 จากผู้ถือหุ้นเดิมของ BAGI จำนวน 3 ราย ซึ่งประกอบด้วย (1) บริษัท โอจิ เปเปอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด (OPT) (2) OJI Holdings Corporation (OHC) และ (3) OJI Asia Packaging Sdn. Bhd. (OAP) (รวมเรียกลุ่มผู้ขาย)

ฝ่ายบริหารคาดว่าค่าตอบแทนสูงสุดที่จะชำระให้แก่กลุ่มผู้ขายจะมีจำนวนไม่เกิน 40,000,000 บาท (ค่าตอบแทนสูงสุดจากการเข้าทาธุรกรรม) โดยบริษัทตกลงจะชำระค่าตอบแทนเบื้องต้นเป็นจานวน 17,600,000 บาท (ค่าตอบแทนเบื้องต้น) ในวันที่บริษัทฯ รับโอนหุ้นใน BAGI มายังบริษัทฯ (วันที่ธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์)ให้แก่กลุ่มผู้ขาย ซึ่งบริษัทคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2561

ทั้งนี้ อนุมัติกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2561 ในวันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม 2561และกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2561 (Record Date) ในวันที่ 15 สิงหาคม 2561

นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TNR กล่าวว่า การเข้าซื้อกิจการบ๊อก เอเชีย กรุ๊ปฯ ครั้งนี้ จะทำให้ TNR มีโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษของตนเอง ส่งผลดีต่อการลดต้นทุนด้านกล่องบรรจุถุงยางอนามัย จากเดิมที่ใช้วิธีสั่งซื้อจากภายนอกทั้งหมด โดยในช่วงแรกจะเริ่มให้ บ๊อก เอเชีย กรุ๊ปฯ ดำเนินการผลิตกล่องบรรจุถุงยางอนามัยให้แก่แบรนด์ PLAYBOY

"การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและจะเป็นประโยชน์ต่อการลดต้นทุนด้านบรรจุภัณฑ์ นอกจากนี้เรายังสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ส่วนที่เหลือภายในโรงงานของบ๊อก เอเชีย กรุ๊ปฯ จัดเก็บบรรจุภัณฑ์และการสต๊อกสินค้า เนื่องจากใช้ระยะเวลาเดินทางจากโรงงาน TNR ที่นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง ชลบุรี ประมาณ 30 นาทีเท่านั้น" นายอมร กล่าว

หลังจากเข้าซื้อกิจการเป็นที่เรียบร้อย บริษัทมีแผนงานพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหาร พร้อมกันนี้ได้วางเป้าหมายเพิ่มยอดขายจากฐานลูกค้าเดิมและขยายฐานลูกค้าใหม่เพื่อเพิ่มอัตราการใช้เครื่องจักร ตลอดจนความสามารถการทำกำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น

"การเข้าซื้อกิจการบ๊อก เอเชีย กรุ๊ป ถือเป็นการลงทุนแบบระยะยาว ดังนั้น TNR จะมีการรับรู้ผลขาดทุนจากบ๊อก เอเชีย กรุ๊ปฯ เข้ามาในช่วงแรก แต่เชื่อว่าเมื่อเราได้เข้าไปบริหารจัดการธุรกิจแล้ว จะสามารถผลักดันผลการดำเนินงานให้ดีขึ้นตามลำดับ แม้ว่าจะมีความท้าทาย แต่มั่นใจว่าด้วยประสบการณ์และแผนงานที่เตรียมไว้จะทำให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้" นายอมร กล่าว

ส่วนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ คาดว่าจะสามารถสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งกว่าครึ่งปีแรก ปัจจัยมาจากบริษัทฯ จะทยอยรับรู้รายได้ค่าลิขสิทธิ์ถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นภายใต้แบรนด์ PLAYBOY จากตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศเพิ่มอีก 4-5 ราย และรับรู้รายได้จากการขายสินค้าภายใต้แบรนด์ PLAYBOY โดย TNR จะเข้าไปร่วมวางแผนงานด้านการขายและทำการตลาดเชิงรุกกับตัวแทนจำหน่ายในประเทศต่าง ๆ เพื่อเพิ่มยอดขาย รวมถึงมีแผนเพิ่มตัวแทนจำหน่ายในภูมิภาคต่าง ๆ ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้รับผลบวกจากปัจจัยเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าในช่วงนี้ เนื่องจากพอร์ตรายได้ส่วนใหญ่กว่า 90% มาจากการส่งออกสินค้าเป็นหลัก โดยในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาภาวะเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง จากเดือนมิถุนายนที่ผ่านมามีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่กว่า 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ปัจจุบันอยู่ที่กว่า 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้บริษัทมีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าไปยังตลาดต่างประเทศในรูปแบบของเงินบาทมากขึ้น

"เรายังคงเป้าหมายยอดขายเติบโต 30% ในปีนี้ตามแผนเดิม เพราะมีความมั่นใจว่าจะสามารถผลักดันผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังเติบโตได้ดี หลังจากปัจจัยที่ส่งผลกระทบเชิงลบเริ่มคลี่คลาย โดยเฉพาะภาวะเงินบาทแข็งค่าที่มีผลโดยตรงกับรายได้จากการส่งออก พร้อมทั้งจะเร่งเพิ่มยอดขายถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นทั้งในและต่างประเทศ" นายอมร กล่าว

สำหรับภาพรวมการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ TNR ยังคงทำยอดขายสินค้าได้ตามเป้าหมาย อย่างไรก็ตามการส่งออกสินค้าในช่วงไตรมาส 1/61 ได้รับผลกระทบจากภาวะเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าอย่างรวดเร็ว ประกอบกับ มีการบันทึกค่าตัดจำหน่ายทางบัญชีสำหรับสิทธิในเครื่องหมายการค้า PLAYBOY และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการรุกจัดกิจกรรมการตลาดเพื่อส่งเสริมการขาย จึงส่งผลต่อความสามารถการทำกำไรของบริษัทฯ ในช่วงครึ่งปีแรก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ