บมจ.เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป (NMG) แจ้งว่าบริษัทได้ส่งผลการตรวจสอบรวมทั้งเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องไปยังหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อดำเนินการกล่าวโทษอดีตกรรมการและผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง และได้ว่างจ้างที่ปรึกษากฎหมายอิสระเพื่อดูแลรับผิดชอบในเรื่องการใช้สิทธิทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป หลังพบว่างบการเงินในช่วงปี 58 และปี 59 มีการลงบันทึกรายรับเกินจริง
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารชุดปัจจุบันของบริษัท (ซึ่งเริ่มเข้ารับตำแหน่งในช่วงเดือน ก.ย.60 จนถึงม.ค.61) ได้ตรวจสอบข้อมูลทางการเงินของบริษัท และได้พบข้อสงสัยที่เกี่ยวกับรายได้ค้างรับที่มีนัยสำคัญ ซึ่งบันทึกอยู่ในงบการเงินของบริษัทในช่วงปี 2557-2560 จึงได้ตั้งคณะทำงาน-ชุดพิเศษ ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง จากกรณีการบันทึกรายได้ค้างรับที่มีนัยสำคัญ ที่อาจเป็นเท็จเพื่อให้งบการเงินของบริษัทมีข้อมูลที่ถูกต้องตรงตามข้อเท็จริง และสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่แท้จริงของบริษัท และมูลค่าหุ้นของผู้ถือหุ้นโดยรวม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 13 ก.พ.61 เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อข้อสงสัยในงบการเงินประจำรอบปี 57-60
คณะทำงาน-ชุดพิเศษ ได้สอบสวนพนักงานที่เกี่ยวข้องปรากฎว่าพบความผิดปกติจากกรณีการบันทึกรายได้ค้างรับที่มีนัยสำคัญ จึงได้รายงานต่อคณะกรรมการบริหารของบริษัท และคณะกรรมการบริหาร ได้รายงานต่อคณะกรรมการบริษัท ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาและมีความเห็นว่า ข้อมูลดังกล่าวแสดงถึงความผิดปกติของรายการในงบการเงินบางรายการ ซึ่งเป็นเรื่องที่มีนัยสำคัญต่องบการเงิน ดังนั้น บริษัทจึงยังไม่สามารถออกงบการเงินประจำปี 60 เพื่อรองรับผลการดำเนินงานได้ และทำให้ผู้สอบบัญชีไม่สามารถสรุปผลการตรวจสอบได้ ซึ่งในระหว่างการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวให้แน่ชัด บริษัทได้เลื่อนการนำส่งงบการเงินประจำปี 60 เป็นจำนวนทั้งสิ้น 6 ครั้ง
นอกจากนี้บริษัทได้ประสานและว่าจ้างให้บริษัท เคพีเอ็มจี ภูมิไชย สอบบัญชี จำกัด ซึ่งเป็นผู้สอบบัญชีของบริษัท ที่ได้ตรวจสอบงบการเงินของบริษัทในช่วงปี 57 ถึงปี 60 ให้ตรวจสอบข้อมูลรายได้ค้างรับของบริษัท และบริษัทย่อยของงบการเงินประจำปี 60 อีกครั้ง ภายหลังจากการตรวจสอบดังกล่าว ผู้บริหารบริษัทได้ปรับปรุงและแก้ไขงบการเงินที่เกี่ยวข้องย้อนหลัง เพื่อให้งบการเงินดังกล่าวแสดงข้อมูลที่ถูกต้องตรงตามความจริงและสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่แท้จริงของบริษัท
ดังนั้น จึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการลงบันทึกรายรับเกินจริงในงบการเงินของบริษัท อันเป็นเหตุให้บริษัทมีรายได้ค้างรับปรากฎในงบการเงินเกินกว่าความเป็นจริงอย่างมีนัยสำคัญ โดยคณะทำงาน-ชุดพิเศษ มีความเห็นว่าพฤติกรรมของกรรมการบริษัท และ/หรือผู้บริหารของบริษัทในขณะนั้น อาจมีลักษณะเป็นการลงข้อความเท็จหรือไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชี หรือเอกสารของนิติบุคคลหรือที่เกี่ยวกับนิติบุคคลนั้น หรือทำบัญชีไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน หรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง เป็นเหตุให้งบการเงินของบริษัทสำหรับงวดสิ้นสุดปี 58 ,59 และ 60 มีรายได้ค้างรับเกินกว่าความเป็นจริงอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้บริษัทและผู้ถือหุ้นได้รับความเสียหาย ซึ่งปัจจุบันคณะกรรมการบริษัทได้แก้ไขเรื่องรายได้ค้างรับเกินกว่าความเป็นจริงและได้พิจารณาอนุมัติงบการเงินประจำปี 60 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 24 ส.ค.61 และจะเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 3/61 เพื่อพิจารณาอนุมัติในวันที่ 31 ต.ค.61
ทั้งนี้ จากการพิจารณาข้อเท็จจริงและพฤติกรรมของคณะกรรมการบริษัท และผู้บริหาร ณ ช่วงเวลาดังกล่าวข้างต้น มีความน่าสงสัยและไม่เป็นไปตามหลักความไว้วางใจ และหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี รวมถึงไม่เป็นไปตามมาตรา 89/7 แห่งพ.รบ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 (รวมทั้งที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม) (พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ) รวมถึงการให้คำรับรองข้อความอันอาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดในฐานะทางการเงินของบริษัท สำหรับงบการเงินประจำปี 58 และ 59 ตามมาตรา 240 และ 312 แห่งพ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท ผู้ถือหุ้น หรือผู้ลงทุน และเกิดผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของธุรกิจโดยรวม
ดังนั้น บริษัทจึงได้ส่งผลการตรวจสอบรวมทั้งเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องไปยังหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อดำเนินการกล่าวโทษกรรมการและผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง และได้ว่างจ้างที่ปรึกษากฎหมายอิสระเพื่อดูแลรับผิดชอบในเรื่องการใช้สิทธิทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ บริษัทยืนยันว่ากรรมการและผู้บริหารชุดปัจจุบัน ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ความระมัดระวัง และความซื่อสัตย์สุจริตภายใต้กรอบของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และคณะกรรมการและผู้บริหารชุดปัจจุบันได้ดำเนินการแก้ไขการกระทำผิดของผู้บริหารในขณะนั้น เพื่อให้เกิดความถูกต้องตามกฎหมาย และมีความตั้งใจที่จะกำกับดูแลการนำส่งงบการเงินและรายงานเกี่ยวกับฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป