PTTGC คาดปี 62 ราคาน้ำมันดิบช่วง 64-69 เหรียญ/บาร์เรล อัตรการกลั่นลดลงหลังจะปิดซ่อมบำรุงใน Q4 ,ราคาโอเลฟินส์อ่อนตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 20, 2019 11:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) คาดการณ์แนวโน้มตลาดน้ำมันในปี 62 ราคาน้ำมันดิบดูไบจะอยู่ที่ค่าเฉลี่ย 64-69 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันของโลกในปีนี้ที่ระดับ 100.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน

อย่างไรก็ดี ตลาดน้ำมันดิบในปี 62 ยังมีความไม่แน่นอนทั้งจากนโยบายตอบโต้ภาษีการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจ ประกอบกับความกังวลในเศรษฐกิจโลก อาจกดดันความต้องการใช้น้ำมัน และแม้ว่าทางกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และรัสเซียมีความพยายามหาข้อตกลงในการลดกำลังการผลิต แต่ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่มีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจะเป็นปัจจัยกดดันราคาน้ำมันไม่ให้ปรับตัวเพิ่มสูงมาก

สำหรับผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม บริษัทคาดว่าส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลกับน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยจะอยู่ที่ 15.1 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการของ International Marine Organization (IMO) ในการควบคุมระดับกำมะถันในน้ำมันเตาที่ใช้ในอุตสาหกรรมเดินเรือ ทำให้มีความต้องการในการใช้น้ำมันดีเซลเข้าไปผสมเพื่อให้ได้มาตรฐาน ในขณะที่ส่วนต่างราคาน้ำมันเตาและแก๊สโซลีนคาดว่าจะมีการปรับตัวลดลง โดยคาดว่าจะมีการปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ประมาณ ติดลบ 4.9 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และ 5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ตามลำดับ

ในส่วนของน้ำมันเตาคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการดำเนินตามนโยบาย IMO โดยคาดว่าจะเห็นผลกระทบที่ชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี 62 ขณะที่น้ำมันแก๊สโซลีนยังได้รับปัจจัยกดดันจากระดับสินค้าคงคลังที่สูงและปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากการใช้กำลังการผลิตในระดับสูงของโรงกลั่นในภูมิภาคอเมริกาเหนือ ทั้งนี้ ในส่วนของการใช้กำลังการผลิตของโรงกลั่นน้ำมันคาดว่าจะสามารถดำเนินการผลิตได้ 86% จากการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนในไตรมาส 4 ประมาณ 2 เดือน

ส่วนแนวโน้มผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์คาดว่าส่วนต่างของผลิตภัณฑ์พาราไซลีน (PX) กับคอนเดนเสทในปี 62 จะอยู่ที่ประมาณ 488 เหรียญสหรัฐ/ต่อตัน ซึ่งแม้ว่าจะมีอุปทานที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น จากผู้ผลิตรายใหม่ในประเทศจีน แต่อุปสงค์จากภาคอุตสาหกรรม เส้นใยและสิ่งทอ (Fiber Filament) กรดเทเรฟทาริคบริสุทธิ์ (PTA) และขวดบรรจุภัณฑ์ (PET Bottle Resin) ยังคาดว่าจะมีการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในประเทศจีน แม้ว่าจะเผชิญแรงกดดันจากนโยบายตอบโต้ทางภาษีการค้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจมหภาค

สำหรับส่วนต่างของราคาเบนซีนและคอนเดนเสทจะอยู่ที่ประมาณ 120 เหรียญสหรัฐ/ตัน โดยคาดว่าอุปสงค์ของผลิตภัณฑ์เบนซีนจะปรับตัวดีขึ้นกว่าอุปทานใหม่ที่จะเข้ามาในตลาด โดยเฉพาะในประเทศจีน เกาหลี และอินเดียที่คาดว่าความต้องการผลิตภัณฑ์ขั้นกลาง เช่น สไตรีนโมโนเมอร์ (Styrene monomer) ฟีนอลและไซโคลเฮกเซนจะเพิ่มสูงขึ้น สำหรับในปีนี้บริษัทมีแผนการปิดซ่อมบำรุงเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของหน่วยผลิตอะโรเมติกส์ 1 ในปีนี้ ในไตรมาสที่ 1 และภายหลังการซ่อมบำรุงเสร็จสิ้น คาดว่าจะสามารถเดินเครื่องในอัตราการผลิตที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากการหยุดซ่อมบำรุงในช่วงดังกล่าวได้ สำหรับการใช้กำลังการผลิตในปี 62 บริษัทคาดการณ์การใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 87%

แนวโน้มของสถานการณ์ผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องมีแนวโน้มอ่อนตัวลง โดยคาดว่าราคาเฉลี่ยเม็ดพลาสติกโพลีเอทิลีนจะอยู่ราว 1,147 เหรียญสหรัฐ/ตัน โดยได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงจากปีก่อนหน้า ในขณะที่อุปสงค์ของผลิตภัณฑ์อาจได้รับผลกระทบของเศรษฐกิจโลกจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน และมีการชะลอตัวเพื่อดูความชัดเจนถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น หรือการเปลี่ยนแปลงนโยบายในอนาคต

ในขณะที่สถานการณ์ราคา MEG คาดว่าจะมีแนวโน้มปรับตัวลดลงจากปีก่อนหน้า ซึ่งปัจจัยสำคัญมาจากปริมาณอุปทานมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจากกำลังการผลิตใหม่ที่เริ่มทยอยเข้าสู่ตลาดตั้งแต่ปลายปี 61 จากทวีปอเมริกาและจีน แต่ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากอุปสงค์การใช้งานของตลาดผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ โดยเฉพาะ Polyester ในจีนยังคงเติบโตได้ตามสภาพเศรษฐกิจของประเทศ บริษัทคาดว่าราคา MEG ASP เฉลี่ยจะอยู่ประมาณ 706 เหรียญสหรัฐ/ตัน

ทั้งนี้ในปี 62 คาดกำลังการผลิตของธุรกิจโอเลฟินส์จะอยู่ที่ 101% และคาดกำลังการผลิตของธุรกิจโพลิเมอร์จะอยู่ที่ 101%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ