(เพิ่มเติม) BAY เผย "เงินติดล้อ" ยื่นไฟลิ่งขาย IPO ไม่เกิน 1.04 พันล้านหุ้นเข้า SET

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 24, 2020 18:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) แจ้งว่า บมจ.เงินติดล้อ (NTL) ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้าของธนาคาร และ Siam Asia Credit Access Pte. Ltd. (SACA) ถือหุ้นฝ่ายละ 50% ได้ยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในวันนี้ (24 ธ.ค.) โดยธนาคาร ในฐานะผู้ถือหุ้น ซึ่งอาจพิจารณาเสนอขายหุ้นบางส่วนที่ถืออยู่ในคราวเดียวกับการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จึงได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานก.ล.ต.ไปพร้อมกัน

ทั้งนี้ บมจ.เงินติดล้อ จะเสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 1,043,542,800 หุ้น พาร์หุ้นละ 3.70 บาท ประกอบด้วย จำนวนหุ้นสามัญที่ออกใหม่ที่เสนอขายโดยเงินติดล้อ ไม่เกิน 210,816,700 หุ้น และ หุ้นสามัญเดิมที่อาจเสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิม ไม่เกิน 832,726,100 หุ้น ซึ่งแบ่งเป็น 1.หุ้นของ BAY ไม่เกิน 284,144,300 หุ้น 2. หุ้นของ SACA ไม่เกิน 412,467,600 หุ้น และ 3. หุ้นสามัญเดิมที่ผู้จัดสรรหุ้นส่วนเกินอาจขอยืมจาก BAY และ SACA รวมกันไม่เกิน 136,114,200 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 15% ของจำนวนหุ้นสามัญที่เสนอขายทั้งหมดใน IPO เพื่อรองรับกรณีที่ต้องมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน

บมจ.เงินติดล้อ เป็นผู้ให้บริการทางการเงินชั้นนำที่ใช่ธนาคารพาณิชย์ ให้บริการภายใต้ชื่อแบรนด์ "เงินติดล้อ" มีแผนที่จะระดมทุนเพื่อนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สำหรับราคาเสนอขายหุ้น IPO จะมีการกำหนดต่อไปภายหลังจากที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต. แล้ว

ภายหลังการขาย IPO และการเสนอขายหุ้นสามัญเดิมจะทำให้สัดสว่นการถือหุ้นของ BAY ลดลง ดังนี้ 1. ในกรณีที่ไม่มีการใช้สิทธิซื้อหุ้นส่วนเกิน สัดส่วนการถือหุ้นสามัญของธนาคารจะลดลงเป็นไม่ต่ำกว่า 33.20% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด และ 2. ในกรณีที่มีการใช้สิทธิซื้อหุ้นส่วนเกินทั้งจำนวน สัดส่วนการถือหุ้นสามัญของธนาคารจะลดลงเป็นไม่ต่ำกว่า 30% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด

บมจ. เงินติดล้อ ยื่นไฟลิ่งเสนอขายหุ้น IPO เพื่อระดมทุนใช้เป็นเงินทุนสำหรับการขยายธุรกิจ และเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัท และใช้ปรับโครงสร้างเงินทุนโดยการชำระหนี้คืนบางส่วน โดยมีบล.เกียรตินาคินภัทร เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายในครั้งนี้

บริษัทเป็นผู้ให้บริการทางการเงินชั้นนำที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ และเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจการให้บริการทางการเงินที่สามารถเข้าถึงได้โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งให้บริการสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันครบวงจร (รถจักรยานยนต์ รถยนต์ รถบรรทุก รถไถ และรถแทรกเตอร์) สินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง และบริการนายหน้าประกันภัย ภายใต้ชื่อแบรนด์ "เงินติดล้อ" ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียง ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ การให้สินเชื่อและการเป็นนายหน้าประกันวินาศภัยและประกันชีวิต

ในฐานะที่เป็นบริษัทในเครือของ BAY ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Mitsubishi UFJ Financial Group ซึ่งเป็นกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดระดับโลก บริษัทจะดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคง มีเสถียรภาพ และมีมาตรฐานสูงดังที่เป็นที่คาดหวังจากสถาบันระดับโลกที่มีชื่อเสียงต่อไป

โครงการในอนาคต ตั้งแต่ปี 64 ถึงปี 66 บริษัทมีแผนจะลงทุนประมาณ 510 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงสาขาเดิมและเพื่อขยายเครือข่ายสาขาประมาณ 500 สาขา และมีแผนที่จะลงทุนอีกประมาณ 270 ล้านบาทต่อปี เพื่อโครงการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจ

สำหรับผลดำเนินงานของบริษัทสำหรับปี 60-62 บริษัทมีรวมรายได้ 5,801.5 ล้านบาท 7,569.4 ล้านบาท และ 9,457.9 ล้านบาท ตามลำดับ และสำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 63 บริษัทมีรายได้ 7,706.3 ล้านบาท สูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 6,823.1 ล้านบาท โดยรวมรายได้ในแต่ละรอบระยะเวลามีสาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยรับจากเงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อและการเติบโตของธุรกิจประกันวินาศภัยของบริษัท

ด้านกำไรสุทธิในช่วงปี 60-62 อยู่ที่ 1,247.3 ล้านบาท 1,306.2 ล้านบาท และ 2,201.7 ล้านบาท ตามลำดับ โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 68.6% ในปี 62 จากปี 61 และ 4.7% ในปี 61 จากปี 60 สาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของรวมรายได้ ถึงแม้รวมรายได้ดังกล่าวจะถูกชดเชยบางส่วนด้วยรวมค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น สำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 63 มีกำไรสุทธิ 1,792.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 1,600.9 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 12.0% จากการเพิ่มขึ้นของรวมรายได้ ถึงแม้รวมรายได้ดังกล่าวจะถูกชดเชยบางส่วนด้วยรวมค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น

ณ วันที่ 30 ก.ย.63 บริษัทมีสินทรัพย์ 51,142.5 ล้านบาท หนี้สินรวม 40,013.4 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 11,129.1 ล้านบาท

ปัจจุบันบริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนจำนวน 8,580,242,909 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 2,318,984,570 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 3.70 บาท และมีทุนชำระแล้วจำนวน 7,800,221,119 บาท แบ่งเป็น หุ้นสามัญจำนวน 2,108,167,870 หุ้น ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรกนี้ บริษัทฯ จะมีทุนชำระแล้วเต็มจำนวน

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ณ ปัจจุบัน ประกอบด้วย BAY ถือหุ้น 1,054,083,930 หุ้น คิดเป็น 50% หลังเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนถือหุ้นลงเหลือ 30%, Siam Asia Credit Access Pte. Ltd. ถือหุ้น 1,054,083,930 หุ้น คิดเป็น 50% จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 25%

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 20% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทหลังจากการหักภาษีและจัดสรรทุนสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทที่กฎหมายและบริษัทฯ กำหนด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ