INTERVIEW: RML ถึงเวลาเทิร์นอะราวด์ ท้าชนเป้าใหม่รายได้หมื่นล้าน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday April 12, 2021 11:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

https://youtu.be/GiIjmBCt6o0

ข่าวดีของการเริ่มใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 กำลังปลุกความเชื่อมั่นและกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจของหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยภายหลังจากภาครัฐได้ส่งสัญญาณฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยการออกมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยด้านต่างๆ ขณะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่นับเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญชี้วัดเศรษฐกิจไทย ก็เริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกตามลำดับ สะท้อนจากการเคลื่อนไหวผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ครองส่วนแบ่งทางการตลาดของกลุ่มลูกค้าระดับบนอย่าง บมจ.ไรมอน แลนด์ (RML) นำทัพโดยนายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เตรียมกางแผนเปิดโครงการใหม่ขานรับกับกำลังซื้อกลุ่มเรียลดีมานด์คนไทยและต่างชาติ เพื่อปูทางสู่เป้าหมายใหม่ผลักดัน RML ก้าวขึ้นเป็นบริษัทที่มีรายได้แตะ 1 หมื่นล้านบาทภายใน 4 ปีข้างหน้า (ปี67-68)

**เงินสดแน่นพร้อมรับมือวิกฤติ-ขยายกิจการ

นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไรมอน แลนด์ (RML) เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่า หากย้อนช่วงที่เกิดวิกฤติการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ในระลอกแรก บริษัทปรับกลยุทธ์อย่างรวดเร็วด้วยการอัดโปรโมชั่นช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.63 เพื่อเร่งระบายสต็อกและสามารถปิดโครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์ The Lofts Asoke แค่ระยะเวลาสัปดาห์กว่าๆเท่านั้น ส่งผลให้บริษัทมีฐานะทางการเงินโดยเฉพาะกระแสเงินสดที่มีความแข็งแกร่ง รองรับความเสี่ยงหากสถานการณ์วิกฤติการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 เกิดความยืดเยื้อและพร้อมใช้ขยายธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต

ล่าสุดบริษัทสามารถปิดโครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์ The Lofts Silom เป็นที่เรียบร้อย ขณะทีปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการขายโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ อาทิ โครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ The River , The Diplomat 39, The Diplomat Sathorn คาดว่าสามารถระบายสต็อกได้หมดภายในปีนี้

**วัคซีนหนุนตลาดอสังหาฯ "ซูเปอร์ลักชัวรี" ฟื้นเร็ว

นายกรณ์ กล่าวต่อว่า แม้ว่าต้นปี 2564 สถานการณ์โควิด-19 จะยังไม่คลี่คลายอย่างชัดเจน แต่เริ่มเห็นสัญญาณที่เป็นบวกมากขึ้นหลังเริ่มฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ในต่างประเทศและในไทย ทำให้ค่อนข้างมีความมั่นใจว่าภาพรวมอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัยในไทยจะกลับมาฟื้นตัวได้ดีกว่าปี63 แต่การเติบโตจะไม่ได้เป็นแบบก้าวกระโดดจะเป็นลักษณะการเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า และข้อดีของประเทศไทยคือรัฐบาลสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ค่อนข้างดีกว่าในต่างประเทศ นอกจากนั้นประชาชนคนไทยมีความเข้าใจที่จะอยู่ร่วมกับโรคโควิด-19 เชื่อว่าหากจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง จะส่งผลบวกกับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่จะดีขึ้นเป็นลำดับ

ขณะที่การฟื้นตัวของตลาดอสังหาฯกลุ่มที่อยู่อาศัย กลุ่มผู้บริโภคระดับบน โดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัยประเภทลักชัวรีและซูเปอร์ลักชัวรีที่มีราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวได้เร็วกว่ากลุ่มอื่น นับเป็นฐานลูกค้าหลักของบริษัท ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาช่วงที่เกิดวิกฤติกำลังซื้อจะชะลอตัวลงไปบ้าง แต่ด้วยฐานะการเงินที่ดีทำให้กำลังซื้อกลับมาฟื้นตัวได้รวดเร็ว

เช่นเดียวกับฐานลูกค้ากลุ่มต่างชาติล่าสุดมีแนวโน้มเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยในไทย แต่ช่วงนี้อาจจะมีอุปสรรคเรื่องการเดินทางเข้ามาโอนกรรมสิทธิ์ แม้ว่าปัจจุบันสถานการณ์โควิด-19 จะยังไม่คลี่คลายอย่างชัดเจน แต่บริษัทมีการกระตุ้นกำลังซื้อฐานลูกค้าต่างชาติผ่านแผนการตลาดด้วยช่องออนไลน์มากขึ้น ซึ่งหากวัคซีนมีความชัดเจนช่วยให้สถานการณ์การเดินทางทั่วโลกผ่อนคลายในทิศทางที่ดี น่าจะผลักดันยอดขายกลุ่มลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

"แบรนด์ที่อยู่อาศัยของบริษัทมีความโชคดีที่มีกลุ่มลูกค้าต่างชาติยังให้ความสนใจอย่างมากกลุ่มหลักจะเป็นโซนเอเชีย เช่น ชาวจีน เกาหลี ไต้หวัน รวมถึงโซนยุโรป สะท้อนจาก Foreign Quota เป็นโควต้าต่างชาติได้จองเต็มมาตลอด และในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาบริษัทปรับมาโฟกัสรุกกลุ่มลูกค้าคนไทยมากขึ้น ทำให้พอร์ตกลุ่มลูกค้าของบริษัทค่อนข้างกระจายสัดส่วนทั้ง 2 กลุ่มได้เป็นอย่างดี"นายกรณ์ กล่าว

**เพิ่มพอร์ตรายได้ประจำ เล็งทุ่มหลักพันล้านซื้อกิจการโรงแรม

ปัจจุบันบริษัทมีแผนเพิ่มสัดส่วนธุรกิจสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) เพื่อเสริมความมั่นคงด้านการเติบโตบริษัทในระยะยาว เริ่มตั้งแต่โครงการ One City Centre" (OCC) อาคารสำนักงานเกรดเอให้เช่า บนทำเลศักยภาพใจกลางเมืองบนถนนเพลินจิต มูลค่าลงทุนกว่า 8.8 พันล้านบาท เป็นการร่วมกับกลุ่ม Mitsubishi Estate บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำจากญี่ปุ่น คาดสร้างเสร็จไตรมาส4/65 รับรู้รายได้ต้นปี 66 มุ่งเน้นความโดดเด่นด้วยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้เข้ามาใช้บริการ เป็นการสอดรับกับการป้องกันเชื้อโควิด-19 ลดการสัมผัสในจุดเสี่ยงๆต่างด้วย

ขณะเดียวกันภายใต้วิกฤติการท่องเที่ยวประเทศไทย บริษัทมองหาโอกาสเข้าซื้อกิจการในธุรกิจโรงแรม ล่าสุดอยู่ในขั้นตอนการศึกษารายละเอียดด้านต่างๆ เพราะเชื่อว่าประเทศไทยเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวหากสถานการณ์โควิด-19 ผ่อนคลายจะทำให้ธุรกิจโรงแรมจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง เบื้องต้นคาดว่าขนาดของธุรกิจโรงแรมที่จะเข้าลงทุนต้องมีมูลค่าหลักพันล้านบาท เป็นโรงแรมระดับ 4-5 ดาวที่มีจำนวน 300 ห้องขึ้นไป

**จ่อเปิดโครงการ "Branded Residence" โค้งสุดท้ายปี64

ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างหาข้อสรุปเรื่องการปั้นแบรนด์โครงการประเภท Branded Residence เป็นโครงการที่อยู่อาศัยที่มีการบริหารอาคารและทรัพย์ส่วนกลางตามมาตรฐานของแบรนด์เสมือนอยู่โรงแรม และหากภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์โควิด-19 กลับมาดีขึ้น มีความเป็นไปได้ที่บริษัทอาจจะพิจารณาเปิดโครงการ Branded Residence ในไตรมาส4/64 เบื้องต้นโมเดลการลงทุนอาจจะเป็นลักษณะการร่วมทุนกับพันธมิตรสัญชาติญี่ปุ่นที่เคยร่วมทุนขยายโครงการมาหลายโครงการแล้วหรือก็อาจจะพิจารณาลงทุนเอง ล่าสุดทางบริษัทกำลังตีโจทย์แบรนด์ Branded Residence ค่อนข้างหนักเช่นกัน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าให้ได้ดีที่สุด

**เข้าโหมด "เทิร์นอะราวด์" 1-2 ปีข้างหน้าสู่เป้ารายได้ 1 หมื่นล้านในปี 67-68

สำหรับปี64 คาดว่าจะเห็นการกลับมาฟื้นตัวได้ดีขึ้น บริษัทตั้งเป้าภาพรวมรายได้ปีนี้จะอยู่ที่ 2.5-3 พันล้านบาทส่วนหนึ่งมาจากการทยอยรับรู้รายได้จากยอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ล่าสุดอยู่ที่ 6.5 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทน่าจะเห็นการฟื้นตัวโดดเด่นช่วง 1-2 ปีข้างหน้าวางเป้าหมายปี66 คาดว่าจะรายได้อยู่ที่ 5 พันล้านบาท และปี67-68 มีโอกาสรายได้บริษัทจะก้าวสู่ 1 หมื่นล้านบาทตามโครงการใหม่ๆที่จะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ เช่น โครงการ The Estelle คาดจะก่อสร้างแล้วเสร็จปี65 มูลค่า 5,000 ล้านบาทมียอดจองมาแล้ว 50% และโครงการ TAIT 12 สาทร 12 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 66 มูลค่าเกือบ 5,000 ล้านบาทมียอดจองมาแล้ว 75% ขณะที่โครงการ One City Centre" (OCC) อาคารสำนักงานจะเริ่มรับรู้รายได้ปี 66 ส่งผลให้โครงสร้างรายได้ปี66 จะมีธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาเป็น 20% และที่เหลือยังเป็นสัดส่วนรายได้หลักจากยอดขายที่อยู่อาศัยคอนโดมิเนียมเป็นหลัก

นายกรณ์ กล่าวอีกว่า หนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญของบริษัทปีนี้นั้นคือการรีแบรนด์ใหม่ทั้งหมดเพื่อยกระดับภาพลักษณ์ให้เข้าถึงง่ายทันสมัย สอดรับกับการปรับวิสัยทัศน์ใหม่ของไรมอน แลนด์ ที่ต้องการขยายกลุ่มเป้าหมายให้เข้าถึงสไตล์คนรุ่นใหม่ และทุกเจเนอเรชั่นที่มีกำลังซื้อของตลาดระดับบน มีความเป็นวัยรุ่นมากขึ้น แต่ยังมุ่งเน้นคุณภาพเป็นหลัก โครงการใหม่ๆของของปีนี้จะเป็น DNA ใหม่ของ RML อย่างแท้จริง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ