TCC แจง Q3/50 ขาดทุนลดลง หลังกำหนดราคาขายสอดคล้องตลาดและต้นทุนการผลิต

          นายธีระวัฒน์ เนืองนอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น (TCC) ชี้แจงผลการดำเนินงานสำหรับงวดไตรมาสที่ 3 ปี 2550 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2550 ของบริษัทและบริษัทย่อย มีผลขาดทุนสุทธิลดลงเหลือ 13.40 ล้านบาท จาก 27.81 ล้านบาท ในขณะที่งวด 9 เดือน ขาดทุนลดลงจาก 54.26 ล้านบาทงวดเดียวกันปีก่อน เหลือ 40.70 ล้านบาท โดยค่าใช้จ่ายขายและบริหารจำนวน 44.36 ล้านบาท ในงบการเงินรวมงวด 9 เดือนปี 2550 รวมค่าเผื่อสินค้าราคาต่ำกว่าตลาดและสินค้าเคลื่อนไหวช้าจำนวน 3.63 ล้านบาท และ 10.78 ล้านบาท ตามลำดับ
          อัตราขาดทุนสุทธิงวด 9 เดือน ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน จาก 14.76% เหลือ 3.91% ในขณะที่งบการเงินรวมเฉพาะไตรมาส ลดลงจาก 13.33% เหลือ 4.15% ผลขาดทุนสุทธิต่อหุ้น งวด 9 เดือน ลดลงจาก 0.066 บาท/หุ้น เหลือ 0.04  
          บริษัทมีรายได้จากการขายไตรมาสที่ 3 ลดลง 21.19% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนจาก 50.59 ล้านบาท เหลือ 39.87 ล้านบาท จากผลของการชะลอโครงการผลิตเครื่องปรับอากาศสำหรับอาคารการชะลอการนำเข้าเพื่อจำหน่ายชิ้นส่วนบางประเภท รวมถึงผลกระทบจากภาวะการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินตราสกุลหลักอื่นๆ โดยรายได้รวม 9 เดือน ลดลงจาก 173.05 ล้านบาท เหลือ 136.15 ล้านบาท หรือลดลง 21.32%
          ขาดทุนสุทธิงวด 9 เดือน ลดลง 8.23 ล้านบาท จาก 36.88 ล้านบาท เหลือ 28.65 ล้านบาท โดยอัตราขาดทุนสุทธิต่อรายได้รวมยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงกันกับปีก่อนคือประมาณ 21% อย่างไรก็ตาม ผลขาดทุนสุทธิต่อหุ้นลดลงจาก 0.066 บาท/หุ้น เหลือ 0.04 บาท/หุ้น ซึ่งเป็นผลสุทธิจากกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 3.49 ล้านบาท จาก 0.50 ล้านบาท เป็น 3.99 ล้านบาท จากการปรับปรุงแนวทางการบริหารต้นทุนการผลิต และการปรับปรุงระบบนโยบายการกำหนดราคาขายให้สอดคล้องสถานการณ์ตลาดและต้นทุนการผลิต โดยอัตรากำไรขั้นต้นของปี 2550 นับแต่ไตรมาสแรกเป็นต้นมา ทยอยปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ จากขาดทุน 10.94% ในไตรมาสที่ 1 เป็นกำไร 5.13% และ 15.15% ในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ตามลำดับ ค่าใช้จ่ายขายและบริหารลดลง 2.4 ล้านบาท รายได้จากการดำเนินงานอื่นๆ เพิ่มขึ้น 0.62 ล้านบาท ดอกเบี้ยจ่ายลดลง 1.7 ล้านบาท เนื่องจากนับแต่พ้นออกจากกระบวนการฟื้นฟูกิจการ บริษัทมิได้มีภาระเงินกู้ยืมเงินที่ต้องชำระดอกเบี้ยจ่าย
          งบการเงินรวมรายได้รวมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 358.11 ล้านบาทในปีก่อน เป็น 1,025.61 ล้านบาท จากผลการเข้าลงทุนและรับรู้รายได้ในบริษัท เหล็กบูรพาอุตสาหกรรม จำกัด นับแต่เดือนสิงหาคม 2549 เป็นต้นมา