MILL เพิ่มทุน 258.27 ลบ.ออกเป็นหุ้นสามัญ-บุริมสิทธิ์ 645.68 ล้านหุ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 22, 2010 10:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ (MILL) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้ลดทุนจดทะเบียน จาก 997,943,580 บาท เป็น 804,450,424.40 บาท โดยการตัดหุ้นที่ยังไม่ได้นำออกจำหน่าย จำนวน 483,732,889 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.40 บาท

จากนั้นให้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1,062,723,352 บาท โดยออกหุ้นสามัญ จำนวนไม่เกิน 380,699,430 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.40 บาท รวม 152,279,772 บาท และหุ้นบุริมสิทธิ จำนวนไม่เกิน 264,982,889 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.40 บาท รวม 105,993,155.60 บาท

ทั้งนี้ จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน เสนอขายให้แก่ DEUTSHE INVESTITIONS UND ENTWICKLUNGSGESELLSCHAFT MBH (DEG) ไม่เกิน 218,750,000 หุ้น ในราคา 3.84 บาทต่อหุ้น , จัดสรรรองรับการจ่ายเงินปันผลเป็นหุ้นสามัญให้กับผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ ประเภท ก จำนวน ไม่เกิน 133,963,030 หุ้น อัตรา 2 หุ้นบุริมสิทธิแบบ ก ต่อ 1 หุ้นสามัญ รวมถึง จัดสรรเพื่อรองรับการปรับสิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิอันเนื่องมาจากการที่บริษัทจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญ จำนวนไม่เกิน27,986,400 หุ้น

ส่วนหุ้นบุริมสิทธิเพิ่มทุนจะจัดสรรให้กับบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) และ/หรือนักลงทุนสถาบัน ไม่เกิน 264,982,889 หุ้น ในราคาไม่ต่ำกว่า 4.00 บาท ( มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 0.40 บาท) โดยหุ้นบุริมสิทธิ แบบ ก จัดสรรจำนวน 164,982,889 หุ้น เสนอขายในราคา 4.20 บาท ส่วนหุ้นบุริมสิทธิ แบบ ข จำนวน 100,000,000 หุ้น เสนอขายในราคา 4.00 บาท

MILL ระบุว่า การเพิ่มทุนดังกล่าวเพื่อนำเงินไปลงทุนใน BRP ที่จะลงทุนในโครงการกรีนมิลล์ (Green MILL) ในวงเงินไม่เกิน 2,900 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวได้เริ่มการก่อสร้างและติดตั้งเครื่องจักรบางส่วนไปแล้วตั้งแต่ไตรมาส 1/53 และคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ในปี 55

โครงการ Green MILL มีวัตถุประสงค์ในการสร้างเพื่อผลิต billet ทั้งระดับ commercial grade ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเหล็กเส้น เหล็กข้ออ้อย และ billet ระดับ special grade เพื่อสร้างสินค้าที่เป็น high value added ซึ่งปัจจุบันในประเทศไทยยังคงต้องนำเข้าbillet อยู่ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงความขาดแคลนวัตถุดิบ จึงวางแผนลงทุนในโครงการนี้ขึ้น โดยประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับบริษัทคือ ลดต้นทุนการผลิต ป้องกันความเสี่ยงในการขาดแคลนวัตถุดิบ ขยายผลิตภัณฑ์สินค้าได้หลากหลายมากขึ้น ตรงตามความต้องการลูกค้ามากขึ้น และสามารถแข่งขันได้ในอนาคตง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ