ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันดิบปิดพุ่ง $1.54 หลังดอลล์อ่อน-นักลงทุนเชื่อมั่นศก.

ข่าวต่างประเทศ Saturday January 1, 2011 07:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (31 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ และความเชื่อมั่นที่ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกจะช่วยให้ความต้องการพลังงานในปี 2554 แข็งแกร่งขึ้นด้วย

สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 1.54 ดอลลาร์ หรือ 1.71% ปิดที่ 91.38 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 89.05 - 92.06 ดอลลาร์

ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 5.83 เซนต์ ปิดที่ 2.54.37 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 6.14 เซนต์ ปิดที่ 2.4532 ดอลลาร์/แกลลอน

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดที่ระดับ 94.75 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ทะยานขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 26 เดือนในระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นว่าความต้องการพลังงานในปี 2554 จะสูงขึ้น โดยสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปี 2554 เป็น 88.8 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 260,000 บาร์เรลจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และมอร์แกน สแตนลีย์ คาดว่า ราคาน้ำมันดิบจะพุ่งแตะ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในปี 2554 ซึ่งสอดคล้องกับที่นายมูฮัมหมัด อาลี คาติบี เจ้าหน้าที่ด้านพลังงานของอิหร่าน คาดว่า ราคาน้ำมันดิบจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลเช่นกัน

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 15% ในปี 2553 เพราะได้แรงหนุนจากหลากหลายปัจจัย รวมถึงข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐและจีน รวมทั้งสต็อกน้ำมันที่ร่วงลงอันเนื่องมาจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นในสหรัฐ

คอนลีย์ เทอร์เนอร์ นักวิเคราะห์ด้านวิจัยพลังงานของวอลล์สตรีท สตราเทจิกส์ กล่าวกับซินหัวว่า "ราคาน้ำมันดิบ NYMEX พุ่งขึ้นเหนือแนวต้านทางจิตวิทยาที่ระดับ 90 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงปลายปี 2553 ได้ก็เพราะเทรดเดอร์และนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐมากขึ้น รวมทั้งปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจมหาภาคที่แข็งแกร่ง และการอ่อนตัวลงของสกุลเงินดอลลาร์"

ขณะที่วิคเตอร์ลี นักวิเคราะห์จากออพเพนเฮเมอร์ โกลด์ แอนด์ สเปเชียล มิเนอรัลส์ ฟันด์ กล่าวว่า "ความไม่สมดุลของอุปสงค์และอุปทานเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้นในปี 2553 โดยเฉพาะอุปสงค์ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่สูงขึ้น รวมทั้งสภาพอากาศหนาวเย็นทั่วโลกที่ทำให้ความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้น และกลุ่มโอเปคยังตรึงเพดานการผลิตไว้เท่าเดิม นอกจากนี้ เหตุการณ์น้ำมันรั่วครั้งใหญ่ในอ่าวเม็กซิโกซึ่งเกิดจากแท่นขุดเจาะน้ำมันของบริษัทบีพีระเบิดเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมานั้น ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นในปี 2553 ด้วย"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ