ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนวานนี้ (31 มี.ค.) ราคาสัญญาข้าวโพดทะยานแตะระดับสูงสุดในการซื้อขายระหว่างวัน หลังสหรัฐรายงานยอดสต็อคต่ำกว่าคาดการณ์ ซึ่งส่งสัญญาณว่าราคาจะต้องสูงขึ้นมากเพียงพอที่จะสอดคล้องกับอุปสงค์ ขณะที่ข้าวสาลีและถั่วเหลืองก็พุ่งขึ้นเช่นเดียวกัน
สัญญาข้าวโพดส่งมอบในเดือนพ.ค. ทะยาน 30 เซนต์ หรือ 4.5% ปิดที่ 7.01 ดอลลาร์ต่อบุชเชล ส่วนสัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนพ.ค. ทะยาน 36 เซนต์ หรือ 5% แตะที่ 7.6325 ดอลลาร์ต่อบุชเชล ส่วนสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบในเดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 38.25 เซนต์ หรือ 2.8% แตะที่ 14.1025 ดอลลาร์ต่อบุชเชล
กระทรวงเกษตรของสหรัฐ (USDA) เปิดเผยว่า ยอดสต็อคข้าวโพดเมื่อต้นเดือนมีนาคมของสหรัฐลดลงแตะ 6.523 พันล้านบุชเชล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2550 และต่ำกว่าการคาดการณ์ในก่อนหน้านี้ 165 ล้านบุชเชล
นักวิเคราะห์ตลาดชี้ว่า ตัวเลขยอดสต็อคข้าวโพดบ่งชี้ถึงอุปทานข้าวโพดล็อตเก่าที่ตึงตัวอย่างมาก แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่า นั่นยังไม่เพียงพอในการลดอุปสงค์ลง เนื่องจากมีกระแสข่าวลือที่ว่า จีนจะยังคงซื้อข้าวโพดจากสหรัฐต่อไป
ในขณะเดียวกัน การสำรวจ "ประมาณการการเพาะปลูก" ปี 2554 พบว่า พื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดของเกษตรกรคาดว่าจะอยู่ที่ 92.178 ล้านเอเคอร์ ในปี 2554 เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน และ สูงกว่าการคาดการณ์ทางการค้าที่ 91.8 ล้านเอเคอร์ ซึ่งสร้างความมั่นใจต่อตลาดว่าหากสภาพอากาศเอื้ออำนวย สหรัฐจะไม่ขาดแคลนข้าวโพด
แต่อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ตั้งข้อสังเกตว่า พื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดที่เพิ่มขึ้นยังไม่เพียงพอต่อการเติมยอดสต็อคที่ยังตึงตัวในช่วงก่อนการเก็บเกี่ยวอยู่อีกมาก และสภาพอากาศที่ค่อนข้างสมบูรณ์จะจำเป็นอย่างยิ่งในปีนี้เพื่อรักษาระดับยอดสำรองสต็อคสำหรับปีหน้า
ทั้งนี้ ข้อมูลสถิติของ USDA ระบุว่า ยอดสต๊อคถั่วเหลืองเมื่อวันที่ 1 มีนาคมอยู่ที่ 1.25 พันล้านบุชเชล ลดลง 2% จากปีก่อน ส่วนสต๊อคข้าวสาลีเพิ่มขึ้น 5% จากยอดเดือนมีนาคมของปีก่อน แตะ 1.42 พันล้านบุชเชล สำนักข่าวซินหัวรายงาน