ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนวานนี้ (10 พ.ค.) ราคาสัญญาข้าวโพดปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องจากการเพาะปลูกในสหรัฐที่มีความคืบหน้ามากเกินคาดช่วยบรรเทาความวิตกด้านการค้าลงบ้าง ส่วนราคาข้าวสาลีและถั่วเหลืองต่างปรับตัวเพิ่มขึ้น จากการคาดการณ์ที่ว่าการรายงานข้อมูลของกระทรวงเกษตรสหรัฐจะบ่งชี้ถึงอุปทานที่ตึงตัวในสหรัฐ
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนก.ค.อ่อนตัว 0.25 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 7.0725 ดอลลาร์/บุชเชล ขณะที่สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 8.25 เซนต์ หรือ 1.0% ที่ 7.9875 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 3 เซนต์ หรือ 0.2% ที่ 13.38 ดอลลาร์/บุชเชล
กระทรวงเกษตรของสหรัฐ (USDA) เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า การเพาะปลูกข้าวโพดมีความคืบหน้าไปแล้ว 40% เมื่อเทียบกับที่คาดว่าจะคืบหน้าเพียง 31% และ 80% ในปีที่แล้ว
เทรดเดอร์อ้างว่า ข้อมูลความคืบหน้าในการเพาะปลูกที่ดีเกินคาด รวมทั้งกระแสข่าวลือที่ว่าอากาศจะแห้งขึ้นในพื้นที่เพาะปลูกในภาคตะวันออก รวมทั้งการเทขายทำกำไรของของเทรดเดอร์ต่างก็เพิ่มแรงกดดันต่อราคาข้าวโพด
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง รวมทั้งการเข้ามาซื้อของกองทุน ได้ช่วยสกัดผลกระทบในเชิงลบจากข้อมูลสถิติของ USDA ส่งผลให้ราคาตลาดข้าวโพดปรับตัวลดลงไม่มากนัก
ในขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ชี้ว่า เทรดเดอร์บางรายคาดว่าการรายงานข้อมูลที่จะมีขึ้นในวันนี้ของ USDA จะบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นได้แซงหน้าอุปทาน เนื่องจากความต้องการข้าวโพดจากอุตสาหกรรมเอธานอลของสหรัฐได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น
นายแมทธิว เพียซ หัวหน้านักวิเคราะห์จาก GrainAnalyst.com กล่าวว่า "การรายงานของ USDA จะเป็นปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญที่สุดสำหรับการซื้อขายในช่วง 30 วันข้างหน้า โดยพื้นที่เพาะปลูกเป็นประเด็นที่สำคัญที่สุดในขณะนี้ และยังเร็วเกินไปที่จะประเมินผลผลิต"
นายเพียซคาดว่า อาจมีการปรับลดตัวเลขจากการคาดการณ์พื้นที่เพาะปลูกของ USDA ที่ 92.2 ล้านเอเคอร์ ลงเล็กน้อย และอาจปรับลดคาดการณ์พื้นที่เพาะปลูกถั่วเหลืองที่ 76.6 ล้านเอเคอร์ ลงเช่นเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตาม เขาชี้ว่า พื้นที่เพาะปลูกถั่วเหลืองจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากการนำพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดไปปลูกถั่วเหลืองแทน สำนักข่าวซินหัวรายงาน