ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนที่ผ่านมา (17 ส.ค.) สัญญาข้าวสาลีปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าข้าวสาลีที่เพาะปลูกในช่วงฤดูใบไม้ผลิอาจมีผลผลิตลดลง ใขณะที่ข้าวโพดปรับตัวลดลงเล็กน้อยและถั่วเหลืองดีดตัวกลับมาเพิ่มขึ้น
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 2 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 7.255 ดอลลาร์/บุชเชล ขณะที่สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 6 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 7.58 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่ง 17.25 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 13.6675 ดอลลาร์/บุชเชล
เทรดเดอร์รายหนึ่งกล่าวว่า ราคาข้าวสาลีได้รับแรงหนุนจากความวิตกกังวลที่เพิ่มขึ้นว่า ยอดผลผลิตข้าวสาลีที่เพาะปลูกในช่วงฤดูใบไม้ผลิอาจลดลงมากกว่าคาดการณ์ เนื่องจากฝนที่ตกติดต่อกันหลายวันทำให้การเก็บเกี่ยวต้องเลื่อนออกไป
กระทรวงเกษตรของสหรัฐ (USDA) เปิดเผยว่าการเก็บเกี่ยวข้าวสาลีที่เพาะปลูกในช่วงฤดูใบไม้ผลิเสร็จสิ้นไปแล้วเพียง 13% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในรอบ 5 ปีที่ 39%
นอกจากนี้ ข้อมูลของ USDA ยังระบุว่า เกษตรกรสหรัฐรายงานว่ามีพื้นที่ 7 ล้านเอเคอร์ (2.8 ล้านเฮคตาร์) ที่ไม่สามารถเพาะปลูกข้าวโพด ถั่วเหลือง และ ข้าวสาลีในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปีนี้ได้
ในขณะเดียวกัน ตลาดไม่ได้สนใจการรายงานข่าวที่ว่ารัสเซียอาจส่งออกธัญพืชสูงถึง 2.9 ล้านตันในเดือนสิงหาคม หลังจากที่ส่งออก 2.6 ล้านตันในเดือนกรกฎาคม ซึ่งส่งผลให้การส่งออกข้าวสาลีของสหรัฐมีความเสียเปรียบในด้านการแข่งขัน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การอ่อนค่าลงของเงินสกุลดอลลาร์และการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งของราคาน้ำมันถือเป็นปัจจัยหนุนต่อคำสั่งซื้อในตลาดธัญพืช
ในส่วนของตลาดข้าวโพดนั้น แนวโน้มสภาพอากาศในระยะสั้นที่คาดว่าจะมีอุณหภูมิลดลงและและฝนตกในพื้นที่ที่แห้งแล้งของรัฐไอโอวาและอิลลินอยส์ ได้เพิ่มแรงกดดันในระดับหนึ่งให้กับตลาดข้าวโพด นอกจากนี้ กระแสข่าวลือเกี่ยวกับอุปทานธัญพืชราคาถูกจำนวนมาก ซึ่งรวมทั้งข้าวสาลีที่มีคุณภาพสำหรับเลี้ยงสัตว์ในตลาดโลกที่อาจทำให้อุปสงค์จากผู้บริโภคข้าวโพดลดลงนั้น ยังเป็นอีกปัจจัยที่กดตลาดข้าวโพดด้วย