ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (30 ก.ย.) สัญญาข้าวโพดปรับตัวลดลง เพราะได้รับแรงกดดันจากการรายของกระทรวงเกษตรสหรัฐ (USDA) ที่บ่งชี้ว่า ข้าวโพดมียอดสต๊อกที่ลดลงน้อยกว่าการคาดการณ์
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 40 เซนต์ หรือ 6.3% ปิดที่ 5.925 ดอลลาร์/บุชเชล ขณะที่ สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 45 เซนต์ หรือ 6.9% ปิดที่ 6.0925 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 51 เซนต์ หรือ 4.1% ปิดที่ 11.79 ดอลลาร์/บุชเชล
รายงานของ USDA ระบุว่า สต๊อกข้าวโพด ณ วันที่ 1 กันยายนอยู่ที่ 1.128 พันล้านบุชเชล ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าการคาดการณ์ทางการค้าและการประมาณการณ์โดยทั่วไปอยู่ 164 ล้านบุชเชล
ในขณะเดียวกัน สต๊อกข้าวสาลี ณ วันที่ 1 กันยายน อยู่ที่ 2.15 พันล้านบุชเชล สูงกว่าการคาดการณ์ทางการค้าอยู่ 115 ล้านบุชเชล บ่งชี้ว่ายอดการใช้ข้าวสาลีในการเลี้ยงสัตว์ของสหรัฐนั้น อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าการคาดการณ์
อย่างไรก็ตาม สต๊อกถั่วเหลือง ณ วันที่ 1 กันยายนอยู่ที่ 214.7 ล้านบุชเชล ต่ำกว่าตัวเลขการคาดการณ์ทางการค้าอยู่ 10 ล้านบุชเชล
เทรดเดอร์รายหนึ่งกล่าวว่า การรายงานสต๊อกธัญพืชถือเป็นปัจจัยหลักในการกระตุ้นแนวโน้มการเทขาย และกดราคาข้าวโพดร่วงลง 40 เซนต์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดสำหรับการซื้อขายระหว่างวัน
นอกจากนี้ ตลาดธัญพืชยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกที่อาจเข้าสู่ภาวะถดถอยและส่งผลให้อุปสงค์อ่อนแรงลง
ทั้งนี้ รายงานของ USDA บ่งชี้ว่า ข้าวโพดเป็นสินค้าธัญพืชอันดับหนึ่งของสหรัฐ ตามมาด้วยถั่วเหลือง โดยสหรัฐยังเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกถั่วเหลืองรายใหญ่อัน 1 ของโลก ตามมาด้วยบราซิลและอาร์เจนตินา สำนักข่าวซินหัวรายงาน