ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (28 ต.ค.) สัญญาข้าวโพดและข้าวสาลีปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนคาดว่า สหรัฐจะเปิดเผยยอดสต๊อกที่ตึงตัวในการรายงานครั้งต่อไป นอกจากนี้ เทรดเดอร์บางรายกำลังซื้อสัญญาข้าวโพดและข้าวสาลีในขณะที่ขายสัญญาถั่วเหลือง ส่งผลให้ตลาดธัญพืชเคลื่อนไหวในทิศทางที่แตกต่างกัน
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 3.5 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 6.515 ดอลลาร์/บุชเชล ในขณะที่ สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.08 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 6.445 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 18 เซนต์ หรือ 1.45% ปิดที่ 12.26 ดอลลาร์/บุชเชล
นักวิเคราะห์กล่าวว่า เทรดเดอร์คาดว่า สหรัฐจะเปิดเผยยอดสต๊อกที่ตึงตัวในรายงานอุปสงค์-อุปทานประจำเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ รวมทั้งอาจปรับยอดส่งออกเพิ่มขึ้นเนื่องจากอุปสงค์การนำเข้าที่สูงกว่าการคาดการณ์จากจีน
ในขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์บางรายได้ตั้งข้อสังเกตว่า แรงซื้อชดเชยยังช่วยผลักดันราคาข้าวสาลีให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับสุงสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 ต.ค. ที่ผ่านมา ส่วนข้าวสาลีออกใหม่ในช่วงฤดูหนาวของยูเครนยังมีภาวะการเติบโตลดลงอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากภาวะภัยแล้ง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวช่วยผลักดันราคาข้าวสาลีปรับตัวสูงขึ้น โดยข้าวสาลีที่เพาะปลูกในช่วงฤดูหนาวที่มีภาวะเติบโตที่ "ย่ำแย่" เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 39% ณ วันที่ 27 ต.ค.
อย่างไรก็ตาม ตลาดถั่วเหลืองได้ปรับฐานลดลง เนื่องจากเทรดเดอร์คาดว่า อาจมีการปรับลดอุปสงค์ลงในการรายงานครั้งต่อไป เนื่องจากยอดส่งออกที่อ่อนแรงลง นอกจากนี้ สภาพอากาศที่เอื้ออำนวยในอเมริกาใต้ยังเป็นปัจจัยลบต่อถั่วเหลืองอีกด้วย
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เทรดเดอร์บางรายได้เข้ามาซื้อสัญญาข้าวโพดและข้าวสาลีในขณะที่ขายถั่วเหลืองออกไป ส่งผลให้ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เคลื่อนไหวในทิศทางที่แตกต่างกัน