สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ร่วงลง 2.74 ดอลลาร์ หรือ 2.81% ปิดที่ 94.45 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค.ที่ตลาดลอนดอน ร่วงลง 3.58 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 107.11 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของความต้องการพลังงานในสหรัฐ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 29 มี.ค.พุ่งขึ้น 2.7 ล้านบาร์เรล แตะที่ 388.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.3 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล แตะ 113 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 572,000 บาร์เรล สู่ระดับ 220.7 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่คาดว่าจะลดลง 800,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 0.6% แตะที่ 86.3% มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4%
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ข่าวการปิดท่อส่งน้ำมันของบริษัท เอ็กซอนโมบิล ทำให้ตลาดวิตกกังวลว่าสต็อกน้ำมันอาจจะปรับตัวสูงขึ้น โดยเอ็กซอนโมบิลได้ประกาศปิดท่อส่งน้ำมันที่ลำเลียงน้ำมันจากเขตมิดเวสต์เมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา หลังจากพบรอยรั่วที่จุดเชื่อมต่อในรัฐอาคันซอร์ส
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ รวมถึงดัชนีภาคบริการของสหรัฐขยายตัวชะลอลงแตะ 54.4 ในเดือนมี.ค. ซึ่งต่ำสุดในรอบ 7 เดือน จากระดับ 56.0 ในเดือนก.พ. และภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 158,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นราว 190,000-200,000 ตำแหน่ง
นักลงทุนจับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.ในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ 7.7%
ส่วนในคืนนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 30 มี.ค. ซึ่งนักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานจะลดลงแตะระดับ 350,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 357,000 ราย