ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 1.27 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (4 ม.ค.) หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่เพิ่มขึ้นน้อยเกินคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ลดลงและอาจทำให้ความต้องการพลังงานลดลงด้วย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดร่วงลง 1.27 ดอลลาร์ แตะระดับ 97.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.พ.ปรับตัวลง 3.56 เซนต์ แตะระดับ 2.6835 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.พ.รูดลง 3.04 เซนต์ ปิดที่ 2.511 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดร่วงลง 81 เซนต์ แตะระดับ 96.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานใหม่นอกภาคการเกษตรเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 18,000 อัตรา ซึ่งเป็นสถิติที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2546 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 70,000 อัตรา
ขณะที่อัตราว่างงานของสหรัฐในเดือนธ.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2548 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 4.8%
นายฟิล ไฟน์ นักวิเคราะห์จากเอลารอน เทรดดิ้ง ในเมืองชิคาโก กล่าวว่า "ที่ผ่านมานั้น นักลงทุนบางกลุ่มมีมุมมองในด้านดีว่าข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่นักลงทุนเริ่มกังวลว่าข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอและราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยได้"
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า น้ำมันดิบสำรองในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 28 ธ.ค.ร่วงลง 4.0 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 289.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงเพียง 840,000 บาร์เรล
อย่างไรก็ตาม น้ำมันเบนซินสำรองเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 207.8 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 770,000 บาร์เรล ส่วนน้ำมันกลั่นสำรองซึ่งรวมถึงน้ำมันฮีทติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรล สู่ระดับ 127.2 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 600,000 บาร์เรล
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--