ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (7 มี.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ฟื้นตัวขึ้นหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการธนาคาร และหลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่ร่วงลงเกินคาด ขณะที่ราคาพลาตินัมปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าอุปทานพลาตินัมจะพุ่งสูงขึ้น หลังจากรัฐบาลแอฟริกาใต้เพิ่มการจัดสรรพลังงานไฟฟ้าให้กับเหมืองภายในประเทศ สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 2.90 ดอลลาร์ แตะระดับ 974.20 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดดิ่งลง 175.80 ดอลลาร์ แตะระดับ 2,025 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนสัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดลดลง 2.7 เซนต์ แตะระดับ 20.158 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดเพิ่มขึ้น 1.75 เซนต์ แตะระดับ 3.9320 ดอลลาร์/ปอนด์ ราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่ฟื้นตัวขึ้นหลังจากเฟดประกาศใช้มาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการธนาคาร ซึ่งครอบคลุมถึงการซื้อคืนพันธบัตรในวงเงิน 1 แสนล้านดอลลาร์เพื่อผ่อนคลายแรงกดดันด้านสภาพคล่องในตลาดการเงิน ส่วนปัจจัยอื่นๆที่มีอิทธิพลต่อราคาทองคำคือรายงานจากกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.พ. ลดลง 63,000 อัตรา ซึ่งร่วงลงหนักที่สุดในรอบ 5 เดือน และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 25,000 ตำแหน่ง ราคาพลาตินัมดิ่งลงอย่างหนักหลังจากแอฟริกาใต้ซึ่งเป็นผู้ผลิตพลาตินัมรายใหญ่อันดับ 1 ของโลก และผลิตทองคำได้มากเป็นอันดับ 2 ของโลก ได้ตกลงจัดสรรพลังงานไฟฟ้าให้กับเหมืองภายในประเทศเพิ่มขึ้น โดยขณะนี้ 95% ของเหมืองมีพลังงานไฟฟ้าใช้ตามปกติ จากก่อนหน้านี้ที่ระดับ 90%