ราคาน้ำมันดิบตลาดสิงคโปร์ปรับตัวลดลงช่วงเช้าวันนี้ (29 ส.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลระลอกใหม่ว่า อุปสงค์ด้านพลังงานจะปรับตัวลดลงหากปัญหาตลาดอสังหาริมทรัพย์และวิกฤติสินเชื่อของสหรัฐฉุดอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐให้ชะลอตัวลง สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียล รายงานว่า ณ เวลา 10.03 น. ตามเวลาในประเทศไทย สัญญาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนต.ค. และได้มีการซื้อขายที่ตลาดสิงคโปร์ปรับตัวลดลง 16 เซนต์ แตะระดับ 71.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากระดับปิดในตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมาที่ระดับ 71.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล วิคเตอร์ ชุม นักวิเคราะห์จากเปอร์วิน แอนด์ เกทซ์ ในสิงคโปร์กล่าวว่า "ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงจากความกังวลที่มีต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในสหรัฐ" ความกังวลที่ว่าอุปสงค์น้ำมันจากสหรัฐจะปรับตัวลดลงได้มีขึ้นอีกครั้ง หลังจากผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐ ซึ่งเป็นมาตรวัดสถานะทางเศรษฐกิจที่สำคัญได้ปรับตัวลดลงในเดือนส.ค. อันสืบเนื่องจากวิกฤติตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซา "นอกจากนี้นักลงทุนยังมีความกังวลเพิ่มขึ้นหลังจากที่คณะกรรมาธิการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าภาคอสังหาริมทรัพย์จะยังเป็นตัวฉุดการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยรวมต่อไปในระยะนี้" ไฟแนนเชียล ไทม์รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของสำนักงานพลังงานสากล(IEA)ว่า แม้ตลาดเงินจะเผชิญความผันผวนจากวิกฤติซับไพรม์ แต่ความต้องการน้ำมันโดยรวมมีแนวโน้มว่าจะยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันควรที่จะปรับเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้น ทั้งนี้ นายวิลเลี่ยม แรมเซย์ รองผู้อำนวยการของ IEA กล่าวว่า ราคาน้ำมันที่ระดับ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลนั้นเป็นตัวเลขที่"สูงเกินไป " อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงจับตารายงานปริมาณน้ำมันในสต็อกรายสัปดาห์จากกระทรวงพลังงานสหรัฐซึ่งมีกำหนดจะเปิดเผยในวันนี้