ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX:ราคาน้ำมันดิบปิดเพิ่ม$2.40 หลังตัวเลขจ้างงานฉุดดอลล์อ่อน

          ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกขึ้นเมื่อคืนนี้ (4 เม.ย.) หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรลดลง 80,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ รวมถึงอัตราว่างงานที่สูงขึ้นแตะ 5.1% ได้กดให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ซึ่งส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น
          นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันที่ขยับขึ้นยังได้รับปัจจัยหนุนจากข่าวการปิดโรงกลั่นในลอสแองเจลิสอันเนื่องมาจากเกิดเหตุเพลิงไหม้ด้วย
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดปรับตัวขึ้น 2.40 ดอลลาร์ แตะระดับ 106.23 ดอลลาร์/บาร์เรล The news that 
          ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ค.ขยับขึ้น 3.24 เซนต์ ปิดที่ 2.7567 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดเพิ่มขึ้น 6.93 เซนต์ แตะระดับ 2.9921 ดอลลาร์/แกลลอน
          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดเพิ่มขึ้น 2.38 ดอลลาร์ แตะระดับ 104.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
          รายงานการจ้างงานเดือนที่ผ่านมาสอดคล้องกับการคาดการณ์ที่ว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐจะอยู่ในช่วงขาลงในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ซึ่งแม้ว่าจะส่งผลสืบเนื่องให้อุปสงค์น้ำมันในสหรัฐ ซึ่งเป็นผู้บริโภคพลังงานมากที่สุดในโลกชะลอตัวลง แต่ราคาน้ำมันกลับไม่ได้ลดลงตามไปด้วย 
          นักวิเคราะห์จำนวนมากเชื่อว่า สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอได้กระตุ้นให้เงินดอลลาร์ร่วงลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ประเทศที่ใช้เงินสกุลอื่นมีอำนาจซื้อมากขึ้น และกระตุ้นให้ผู้ส่งออกน้ำมันปรับราคาน้ำมันให้สูงขึ้น 
          ขณะเดียวกัน ราคาเบนซีนขายปลีกทำสถิติใหม่ในสหรัฐ เมื่อพุ่งขึ้นเหนือ 3.30 ดอลลาร์ต่อแกลลอน (87 เซนต์ต่อลิตร) เมื่อวันศุกร์ และมีความเป็นไปได้ว่าจะสูงขึ้นอีกใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้าเนื่องจากอุปทานน้ำมันเบนซีนตึงตัว
          ทั้งนี้ สัญญาน้ำมับดิบพุ่งขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ได้หนุนให้ราคาน้ำมันเบนซีนขยับขึ้นตามไปด้วย โดยนักวิเคราะห์คาดว่าราคาน้ำมันเบนซีนในสหรัฐจะยังคงแพงขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ว่าทิศทางของราคาน้ำมันดิบจะเป็นอย่างไร ซึ่งก็เป็นเพราะอุปทานน้ำมันเบนซีนกำลังลดลง อันเนื่องมาจากสาเหตุส่วนหนึ่งคือการที่บรรดาโรงกลั่นปรับลดการผลิตเพราะต้นทุนน้ำมันดิบที่สูง กล่าวคือยิ่งน้ำมันดิบมีราคาแพงมากเท่าไหร่ ผู้ประกอบการธุรกิจโรงกลั่นก็ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นมากเท่านั้นและหมายความว่ากำไรที่พวกเขาจะได้รับก็ต้องลดลง