นักวิเคราะห์ชื่อดังในฟิลิปปินส์กล่าวว่า วิกฤตการณ์ข้าวในฟิลิปปินส์ที่เกิดขึ้นขณะนี้ไม่ได้เป็นผลจากภาวะขาดแคลนข้าว แต่เกิดจากการใช้นโยบายภาคเกษตรที่ยังไม่ดีพอ
โรนัลโด ดี ผู้อำนวยการบริหารแผนกอาหารประจำมหาวิทยาลัยเอเชียและแปซิฟิก ในกรุงมะนิลา กล่าวว่า วิกฤตการณ์ข้าวที่เกิดขึ้นในขณะนี้แท้จริงแล้วคือวิกฤตรายได้ที่เป็นผลจากการที่รัฐบาลขาดการลงทุนในภาคเกษตรและสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ซึ่งส่งผลให้ชาวฟิลิปปินส์ในระดับรากหญ้าหลายพันคนต้องเข้าแถวเพื่อรอซื้อข้าวที่ได้รับเงินอุดหนุน ซ้ำร้ายรัฐบาลยังไม่ดำเนินนโยบายลดความยากจนในชนบทเหมือนกับประเทศอื่น เช่น จีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย และเวียดนาม
ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์เป็นประเทศผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกซึ่งมีอัตราการบริโภคข้าวในระดับสูง เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศที่ไม่เอื้ออำนวยกับการปลูกข้าวเหมือนอย่างในประเทศจีน อินเดีย เวียดนาม และไทยที่สามารถเพาะปลูกข้าวได้เป็นจำนวนมาก และหากเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ อย่างมาเลเซีย และสิงคโปร์ ที่ต้องพึ่งการนำเข้าข้าวเช่นกันแล้วประชาชนในประเทศเหล่านี้กลับไม่ต้องเข้าแถวยาวเหยียดเพื่อซื้อข้าว และไม่ประสบวิกฤตข้าวเหมือนในประเทศฟิลิปปินส์
ชาวฟิลิปปินส์บริโภคข้าวสูงมาก เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ยังมีฐานะยากจนและไม่สามารถซื้อหาอาหารอื่นๆมารับประทานได้
"มีคนจนจำนวนมากต้องพึ่งข้าวเป็นอาหารหลัก เนื่องจากพวกเขาไม่มีเงินจะซื้อของกินอย่างอื่นนอกจากข้าวกับซอสมะเขือเทศ ขณะที่การเพิ่มผลผลิตข้าวก็ทำได้ไม่ดีนัก เพราะฟิลิปปินส์ยังขาดการลงทุนภาคการเกษตรและระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน เป็นต้นว่า ระบบชลประทานและเส้นทางขนส่งผลผลิตจากพื้นที่การเกษตรไปยังตลาดโดยตรง"นายดีกล่าว สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--