สแตนดาร์ด แบงก์ กรุ๊ปคาดการณ์ว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,250 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อวิเคราะห์จากปัจจัยทางเทคนิคของลักษณะการซื้อขายที่เป็นไปในรูปแบบ head-and-shoulder ซึ่งจะเกิดขึ้นต่อไปในระยะยาว
ดาร์เรน แกรบแฮม นักวิเคราะห์ด้านปัจจัยทางเทคนิคของสแตนดาร์ด แบงก์ กรุ๊ป กล่าวว่า ราคาสัญญาทองคำที่พุ่งทะลุเพดานและปิดอยู่เหนือระดับ 1,050.40 ดอลลาร์นั้นเป็นสัญญาณเตือนว่า ราคาทองคำจะพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง และลักษณะการซื้อขายในรูปแบบ head-and-shoulder มักเกิดขึ้นเมื่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทำสถิติพุ่งสู่จุดสูงสุดติดต่อกัน 3 ครั้ง ซึ่งจุดที่อยู่ตรงกลางคือจุดสูงสุด และลักษณะเช่นนี้จะเกิดขึ้นในช่วงขาขึ้นของตลาด
"ขณะนี้ตลาดมีปัจจัยชี้นำในแง่บวกอยู่มากมาย ซึ่งจะช่วยหนุนให้ราคาทองคำไต่ระดับถึง 1,250 ดอลลาร์" แกรบแฮมระบุ "สำหรับช่วงขาลงของตลาดราคาน้ำมันอาจเคลื่อนไหวที่ 864 ดอลลาร์และมีแนวโน้มเคลื่อนตัวลงต่อเนื่องไปจนถึงระดับ 802 ดอลลาร์ "
"เราคาดว่าราคาทองคำอาจตกลงมาอยู่แถวๆ 940-935 ดอลลาร์ ซึ่งจะเป็นแนวรับสำคัญในสัปดาห์หน้า และคาดว่าราคาทองคำจะเข้าสู่ช่วงปรับฐานใต้ระดับ 966.70 ดอลลาร์ ก่อนที่จะดีดตัวขึ้นมาอีกครั้งจนเคลื่อนตัวสู่แนวทดสอบที่ 980 ดอลลาร์"
อย่างไรก็ดี ในระยะสั้นๆ ปัจจัยลบอาจยังส่งผลกระทบต่อตลาด ก่อนที่ราคาทองคำจะเริ่มส่งสัญญาณที่ดีด้วยการเคลื่อนไหวแตะระดับ 960-699.70 ดอลลาร์
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 08:09 น.ตามเวลาสิงคโปร์ ราคาทองคำเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 957.29 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่สัญญาโลหะมีค่าลดลง 7.4% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,032.70 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อวันที่ 17 มี.ค.2552